Secret Lover2 รัก (ไม่) ลับ ของสองเรา 3 (ยังรัก ยังรอ ไม่เคยลบเลือน)
ตอน ยังรัก ยังรอ ไม่ีเคยลบเลือน
ร้านอาหารกึ่งผับสไตล์ชิลๆบรรยากาศภายในร้านตกแต่งแบบโมเดิร์นนิดๆคลาสสิคหน่อยๆ พื้นที่ของร้านถูกแบ่งออกเป็นสองโซนคือโซนผับเน้นความสนุกอยู่ที่ดนตรีสดที่วงแรกเริ่มเล่นตั้งแต่หนึ่งทุ่มตรง และอีกโซนคือโซนเอาท์ดอร์ที่ให้อารมณ์โรแมนติกด้วยแสงไฟสลัวๆเหมาะกับการดินเนอร์ใต้แสงเทียนแบบคู่รักหรือจะเป็นการแฮงค์เอ้าท์คุยกันชิลๆกับกลุ่มเพื่อนสนิทก็ได้
ผมเล่นดนตรีที่ร้านนี้เป็นประจำวันศุกร์-เสาร์ และนี่ก็เป็นคืนวันศุกร์ที่ผมไม่มีความสุขเหมือนกับชื่อวันเธอเงียบไปหลายวันแล้วนับตั้งแต่วันนั้นที่เธอโทร.มาหาผมว่าอยากจะฟังผมร้องเพลงแต่ผมกลับบอกเธอไปว่าผมเลิกร้องเพลงแล้ว จากน้ำเสียงของเธอดูเหมือนจะโกรธมากและนั่นคืออีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้ผมไม่กล้าจะโทร.ไปหาเธอ
เป็นอะไรหรือเปล่าซิน วันนี้ดูไม่ค่อยโอเคเลยอ่ะ พี่ชามนักร้องสาวสวยประจำวงของเราเป็นคนแรกที่มองเห็นสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับผม ทั้งที่ความจริงแล้วทุกวันผมก็แทบจะไม่แตกต่างจากวันนี้แค่อาจจะดูนิ่งกว่านี้เท่านั้น
อ๋อ ไม่ได้เป็นอะไรครับ พี่ชามมีอะไรจะให้ซินทำหรือเปล่าครับ หรือว่าต้องขึ้นไปเซตเครื่องดนตรีแล้ว ผมยกข้อมือขึ้นมาดูเวลา วงของผมเล่นเป็นวงที่สองต้องขึ้นประมาณสี่ทุ่มแต่นี่เพิ่งสามทุ่มเองทางร้านก็ยังเปิดแผ่นอยู่เลย
เปล่า พี่ไม่ได้จะให้เราไปทำอะไรทั้งนั้นแหละแค่เห็นเดินไปเดินมารอบร้าน ไม่เห็นไปนั่งอยู่กับเพื่อนๆ ถ้าไม่เป็นไรก็ดีแล้วล่ะพี่ไปล่ะ สายตาของพี่ชามบ่งบอกว่าเป็นห่วงผมจริงๆ ก็คงเป็นความห่วงใยอย่างที่พี่สาวมีให้กับน้องนั่นแหละ
ผมยังคงวุ่นวายใจอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งถึงเวลาที่วงของผมต้องขึ้นไปเซตเครื่องดนตรีผมเซตกีต้าร์ซึ่งมันกลายเป็นเครื่องดนตรีประจำของผมไปเสียแล้ว หลังจากที่เซตเครื่องดนตรีเรียบร้อยบทเพลงของวงในค่ำคืนนี้ก็ถูกบรรเลงขึ้นพร้อมกับน้ำเสียงหวานๆของพี่ชามนักร้องสาวประจำวงของเราที่ขับร้องเสียงเพลงออกมาท่ามกลางบรรยากาศของร้านที่เริ่มคึกคักขึ้นเรื่อยๆตามปกติของค่ำคืนวันศุกร์
เพลงแรกก็จบลงไปแล้วนะคะ เหมือนเดิมสำหรับใครที่อยากจะฟังเพลงอะไรก็เขียนขอขึ้นมาได้ค่า พี่ชามกำลังจะเริ่มส่งต่อเข้าเพลงที่สองตามที่เราได้ซ้อมกันมาแต่อยู่ๆ ก็มีพนักงานเอากระดาษแผ่นเล็กส่งให้กับพี่ชามก่อนที่ดนตรีจะขึ้น
ว้าววันนี้มาแปลก เขียนขอเพลงแต่วงเล็บไว้ว่าอยากฟังเสียงกีต้าร์สุดหล่อของเราซะด้วย ไม่รู้ว่าเค้าจะร้องได้มั้ยนะคะ พี่ชามส่งกระดาษแผ่นเล็กให้กับผม เพลง เธอมีเวลาฟังแค่ไหน พร้อมกับลงชื่อที่ด้านล่างสุดของกระดาษไว้ว่า JZ
ซินไม่เคยร้องเพลงบนเวทีมานานแล้วฮะ เสียงอาจจะไม่เพราะเท่ากับนักร้องสาวของเรา แต่ถ้าคุณอยากจะฟังซินจะร้องให้คุณฟัง ผมขยับไมค์ที่อยู่ตรงหน้าก่อนจะเปร่งเสียงออกมา สายตาของผมก็ยังคงสอดส่ายมองหาเจ้าของลายมือน่ารักนี้เธอต้องอยู่ภายในร้านนี้แหละเพียงแต่ในนี้มันมืดเกินกว่าที่ผมจะมองเห็น
ผมพยักหน้าให้กับเพื่อนร่วมวงก่อนที่เสียงดนตรีจะบรรเลงขึ้นมาก่อนที่ผมจะเปล่งเสียงฮัมเพลงขึ้นมาอย่างแผ่วเบาและเพิ่มความดังขึ้นเรื่อยๆจากท่อนแรกจนกระทั่งถึงท่อนฮุค แต่เธอมีเวลาฟังแค่ไหน เรื่องราวความในใจที่ล้นเอ่อ ว่าเธอและเธอเท่านั้น ได้ใจของฉันตั้งแต่วันแรกเจอ แต่เรามีเวลาเพียงแค่นี้ อาจไม่พอให้พูดอะไรให้โดนใจของเธอ หากเธอไม่มีเวลาจะอยู่กันนานๆ ก็อยากจะบอกสั้นๆ ว่าฉันน่ะรักเธอ
สายตาหลายคู่จับจ้องมาที่ผมทั้งนักเที่ยวที่คุ้นเคยกับที่นี่และเพื่อนในวงดนตรีของผม หลายคนไม่เชื่อว่าผมจะร้องเพลงได้และอาจจะร้องออกมาดีกว่าที่ใครหลายคนคิดเอาไว้เสียด้วย หลังจากที่หมดเวลาของวงผมอาจจะเจอกับคำถามเยอะแยะหรืออาจจะไม่มีคำถามอะไรเลยก็ได้ เรื่องที่ผมร้องเพลงก็เป็นกับเขาเหมือนกัน! เพลงที่ผมร้องจบลงไปแล้วและตอนนี้ก็กลับไปเป็นหน้าที่พี่ชามที่จะส่งเสียงหวานๆผ่านไมค์โครโฟน ผมยังคงสอดส่ายสายตามองหาเจ้าของลายมือน่ารักนั่นแต่นั่นแหละอะไรที่เรายิ่งค้นหาเราจะยิ่งไม่เจอหรืออาจจะเจอได้ยากยิ่งนัก
ไม่นึกว่าซินจะเสียงดีเหมือนกันนะ พี่ชามที่เดินลงมานั่งรอที่โต๊ะส่งเสียงดักผมเอาไว้ทันทีที่ผมลงจากเวที
ยังไงก็ไม่เท่าพี่ชามหรอกครับ ซินขอตัวนะครับพี่
เดี๋ยวๆ แล้วคนที่เค้าเขียนขอมา เค้ารู้ได้ไงว่าซินร้องเพลงเพราะ พี่ชามยังคงซักไซร้ผมต่อแต่ผมไม่เหลือกระจิตกระใจจะอยู่ตอบคำถามพี่ชามแล้วน่ะสิ
เค้าคงเคยฟังซินเล่นกับวงเก่าอ่ะครับ เอ่อ...ซินขอไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ คงเพราะท่าทางของผมในตอนนี้ทำให้พี่ชามเลิกถามผม
ผมเหมือนหนูติดจั่นเดินวนไปวนมาทั้งโซนในร้านและโซนนอกร้านตลอดจนที่จอดรถที่ด้านหน้าร้านกว่าจะฉลาดก็เล่นเอาเหนื่อยไปเลย ถามพนักงานคนที่เอากระดาษมาส่งสิ นั่นคือสิ่งสุดท้ายที่สมองสั่งการ ไม่รู้ว่ามันจะช้าไปหรือเปล่ากว่าจะคิดได้ และเธอยังจะอยู่ที่นี่หรือเปล่า...
น้อง ผมเรียกพนักงานคนที่เอากระดาษไปส่งพร้อมกับจับบ่าเอาไว้อีกทั้งสีหน้าจริงจังช่างเหมือนนักเลงจริงๆซินซิน คนที่ให้เราเอากระดาษแผ่นนั้นไปส่งเค้านั่งอยู่โต๊ะไหน ผมถาม
เค้าเช็คบิลไปแล้วพี่ ตั้งแต่พี่ร้องจบน่ะครับ พนักงานคนนั้นบอกกับผม นั่นคือคำตอบที่ทำให้ผมแทบทรุด ทำไมมาถึงขนาดนี้แล้วไม่ยอมอยู่เจอกันก่อน
ควันสีขาวขุ่นพวยพุ่งออกจากริมฝีปากของผมหลังจากที่ผมสูดเอาสารนิโคลตินเข้าปอดเป็นที่เรียบร้อย ผมกำลังจะยกบุหรี่มวนขาวขึ้นมาสูดเอาสารนิโคลตินเข้าสู่ร่างกายอีกครั้งเผื่อจะดับอารมณ์คุกรุ่นของผมเวลานี้ได้บ้างแต่แล้วการกระทำของผมก็ต้องหยุดชะงักเมื่อมองไปตรงหน้าแล้วพบว่าคนที่ผมเฝ้าวิ่งตามหาให้วุ่นวายนั้นได้หยุดอยู่ตรงหน้าของผม
เครียดอะไรนักคุณนักร้อง อุ๊ยไม่ใช่สิ คุณนักดนตรีน้ำเสียงคุ้นหูที่ถูกเปร่งออกมาจากปากของคนตรงหน้า สิ่งผมได้ยินสิ่งที่ผมได้เห็นมันไม่ใช่ความฝันใช่ไหมอยากจะหยิกแขนตัวเองแต่ก็กลัวว่าคนตรงหน้าจะหัวเราะกับการกระทำของผม
ยังไม่กลับเหรอครับ เหมือนไม่มีอะไรจะถามทั้งที่คำถามนั้นมากมายเต็มไปหมด เป็นแบบนี้อีกแล้วให้ตายเถอะเมื่อไหร่จะเลิกปอดแหกซะที
ถ้ากลับก็คงไม่เห็นแล้วล่ะ...ไม่มีอะไรที่อยากจะถามนอกจากนี้แล้วใช่มั้ย
มีเยอะเลย ผมตอบคำถามของเธอโดยมีดวงตาของผมที่ทำให้ส่งทอดคำถามมากมายเหลือเกินที่ผมมีไปสู่ดวงตากลมโตคู่นั้นของเธอ คิดถึงกันบ้างหรือเปล่า ลืมกันไปหรือยังและอะไรต่อมิอะไรอีกมากมาย
วันนี้แจ๊สไม่ได้เอารถมา พอดีว่าพายมันจะมาแถวนี้มันเลยเอาแจ๊สมาส่งไว้ที่นี่ถ้าไม่รบกวนซินจนเกินไป...
ให้ซินไปส่งที่บ้านนะครับ ผมพูดแทรกขึ้นมาทันทีโดยไม่รอให้คนตรงหน้าพูดจบประโยค
ท้องถนนเบื้องหน้าจะนำไปสู่จุดหมายปลายทางคืออะไรผมไม่เคยคิดถึงมันเมื่อมีผู้หญิงร่างบางเจ้าของดวงตากลมโตคู่นั้นนั่งเคียงข้างไปด้วยกัน แค่มีเธอต่อให้เส้นทางเบื้องหน้าจะยาวไกลแค่ไหนผมก็จะไป เส้นทางที่เคยคุ้นแม้จะนานมาแล้วที่ผมไม่เคยมาทางนี้แต่มันกลับไม่ได้ทำให้ผมลืมเลยว่าจะไปต่ออย่างไร ทุกอย่างที่เกี่ยวกับเธอผมไม่เคยใช้รอยหยักในสมองในการจดจำแต่ผมใช้ทุกจังหวะการเต้นของหัวใจในการจดจำมันเลยลืมกันไม่ได้ง่ายๆ
ไม่ต้องบอกทางเลยนะเนี่ยจำได้แม่นมาก น่ารักชะมัด เธอพูดกับผมเป็นประโยคแรกเมื่อผมรถของผมจอดสนิทที่หน้าบ้านของเธอ
"ถ้าน่ารักจริง คนแถวนี้ก็คงจะรักไปแล้วล่ะ ผมตั้งใจจะพูดลอยๆแต่ดันพูดดังเกินไปจนทำให้คนข้างๆ หันมามอง
ไม่เจ็บบ้างหรอซิน ไม่โกรธไม่เกลียดกันบ้างหรือไงที่แจ๊สเคยทำให้เสียใจ
เจ็บมันก็เจ็บ แต่ไม่เคยโกรธไม่เคยเกลียด เพราะรักมันมีมากกว่า ตอนพูดมันออกมาจากใจแต่พอพูดออกไปแล้วไหงมันดูน้ำเน่าแบบนี้วะเนี่ย
แต่แจ๊ส...รู้สึกผิด ดวงตากลมโตคู่นั้นจ้องมองผมอย่างจริงจัง ผมเชื่อก็วันนี้แหละที่เขาเคยบอกกันว่าดวงตาไม่โกหก ความรู้สึกที่แจ๊สมีจริงๆมันคืออะไรผมอาจจะตอบได้ไม่เต็มปากแต่หากให้ผมคาดคั้นเอาจากดวงตาคู่นั้นมันไม่ใช่ความรู้สึกผิดแต่มันคือความรู้สึกดี-ดี
ซินรักแจ๊สมากนะ เคยรักยังไงก็รักอย่างนั้นไม่เคยเปลี่ยนเกือบปีแล้วนะแจ๊สตั้งแต่วันนั้นที่เรา...แยกกัน เวลาไม่เคยทำให้ซินรักแจ๊สน้อยลงเลย และเวลาก็ไม่เคยทำให้ซินลืมแจ๊สเลย
แต่แจ๊สมี...
ซินรู้แล้ว เรื่องของเราสองคนปล่อยให้เวลาหาทางออกของมันได้มั้ย อย่าเพิ่งปิดโอกาสของซินได้มั้ยถ้าหากแจ๊สยังรู้สึกดี-ดี แต่ถ้าไม่มีแล้วก็บอกกับซินตรงๆตอนนี้ มองตาซินแล้วพูดกับซินว่าความรู้สึกที่แจ๊สมีมันไม่ตรงกับความรู้สึกของซินแล้วซินจะทำใจว่ามันไม่มีแล้วจริงๆ ผมพูดแทรกเธออีกครั้ง
แจ๊สไม่รู้ แจ๊สกลัว...กลัวว่าแจ๊สจะรักษาซินเอาไว้ไม่ได้อีก กลัวว่าซินจะต้องมาเสียใจเพราะแจ๊สอีก
ถ้าเรายังไม่ลองแล้วเราจะรู้ได้ยังไงครับ ช่างเหอะ ตอนนี้เรื่องของเราจะเป็นยังไงซินไม่สนใจแล้ว แค่ขอให้ซินได้มีแจ๊สอยู่ในทุกวันได้มั้ย เรื่องของอนาคตอย่าไปคิดถึงมันเลยเนอะเครียดเปล่าๆ
รู้ได้ยังไงว่าเค้าเครียด เธอถามผม...เธอกล้ามากที่มาถามผม แค่ผมมองหน้าเธอผมก็รู้หมดแล้วว่าเธอกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน
รู้ก็แล้วกันน่า ไม่ต้องเครียดแล้วคนดีของซิน พรุ่งนี้เย็นซินรับแจ๊สไปทานข้าวนะครับ
ค่ะ โทร.บอกก่อนออกมานะ แจ๊สจะได้เคลียร์งาน
เจ้าหญิงร่างเล็กของผมลงจากรถและเดินเข้าบ้านไปแล้วจะมีก็แต่องครักษ์ของเจ้าหญิงอย่างผมเท่านั้นแหละที่ยังคงนั่งมองเธอจนลับสายตาด้วยความหวังว่าอยากจะเห็นเธอปลอดภัยดี รถยนต์ของผมค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากหน้าบ้านของเธออย่างเชื่องช้าไม่นับรวมสายตาเว้าวอนของผมที่มองประตูบานนั้นราวกับว่าประตูบานนั้นคือเจ้าหญิงของผม
# # # # #
ร้านอาหารริมแม่น้ำบรรยากาศแสนดีและโรแมนติกร้านหนึ่งในกรุงเทพฯคือร้านอาหารที่ผมเลือกจะพาเจ้าหญิงของผมมาทานมื้อเย็นเพราะรู้มาว่าเธอบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอแทนข้าวเสียเป็นส่วนใหญ่หลังจากที่เราแยกจากกัน ภายในร้านอาหารเป็นอาคารสองชั้นตกแต่งอย่างเรียบง่ายเน้นการแต่งแบบเปิดโล่งเพื่อรับลมจากแม่น้ำเจ้าพระยาและมองเห็นสะพานพระรามแปดได้อย่างชัดเจนผสมกับดนตรีอะคูสติกที่เล่นคลอเบาๆยิ่งทำให้บรรยากาศ ณ.ที่ตรงนี้ยิ่งโรแมนติกเข้าไปใหญ่
แจ๊สไม่ค่อยชินกับอาหารมื้อเย็นมานานแล้วนะ
นี่คือการเริ่มต้นเพื่อให้กระเพาะของแจ๊สชินกับมื้อเย็นนะครับ ต่อไปนี้ซินจะทานข้าวเย็นกับแจ๊สทุกวัน ถ้าวันไหนไม่ได้ไปเล่นดนตรีซินจะไปรับแจ๊สทานมื้อกลางวันด้วย อืม...ยิ่งถ้าวันไหนแจ๊สค้างกับซิน ซินมีมื้อเช้าเป็นออปชั่นเสริมด้วยนะ ผมพูดยืดยาวอย่างอารมณ์ดีในมือก็พลิกเมนูไปพลางๆ
รับเครื่องดื่มอะไรคะ
น้ำแอ๊ปเปิ้ลปั่นสองครับ ผมพูดกับพนักงานที่ยืนอยู่ด้านข้าง ก่อนจะหันไปพูดกับคนตรงหน้า ทานน้ำแอ๊ปเปิ้ลนะคะมีวิตามินซีสู๊งสูง มีวิตามินเอ บี ดี อี เอฟด้วยนะ ผิวจะได้สวยๆ ผมได้รับรอยยิ้มบางๆกลับมาจากคนตรงหน้าแทนทุกคำตอบ
ปลากระพงทอดราดน้ำปลา ห่อหมกทะเลมะพร้าวอ่อน ต้มยำกุ้ง อืม...เอาอะไรอีกดีน๊า ผมเลิกคิ้วมองไปยังคนตรงหน้าหวังว่าเธอน่าออกไอเดียเมนูอาหารบ้างแต่ก็เปล่าเลย...
อยากทานอะไรก็สั่งสิคะ แจ๊สไม่ค่อยชินกับอาหารเย็นแล้วอ่ะ นั่นคือคำตอบ
งั้นเอาแค่นั้นก่อนก็แล้วกันครับ ผมหันไปบอกกับพนักงานที่ยืนหน้านิ่งไม่ไหวติงแม้ว่าการมารับออร์เดอร์ที่โต๊ะผมนั้นจะเนิ่นนานเสียเหลือเกิน
วันนี้นัดกับเพื่อนๆไว้หรือเปล่าครับ ซินจะได้ไปส่ง
นัดกับพายเอาไว้ค่ะแต่เดี๋ยวค่อยไปดึกๆก็ได้ ไม่รู้ช่วงนี้พายเป็นอะไรไม่ค่อยติดเพื่อนเลยเริ่มจะไปไหนมาไหนคนเดียวบ้าง กลายเป็นแจ๊สที่ไม่ชินที่มันเป็นแบบนี้
ถ้าจะไปเที่ยวก็ต้องกลับไปเปลี่ยนชุดที่บ้านพี่พายก่อนแน่ๆเลยใช่มั้ย ไม่ต้องแต่งตัวน่ารักนะครับ หวงอ่ะวันนี้เค้าต้องไปทำงานไม่ได้ไปด้วย ถึงไม่ได้ไปทำงานก็คงไปด้วยไม่ได้อยู่ดีใช่มั้ย? ผมเลิกคิ้วความหมายเชิงคำถามแต่คนตรงหน้ากลับส่ายหน้าช้าๆ
เด็กน้อย เค้าแก่แล้วไม่มีใครมองหรอกค่ะ ไม่ต้องหวงนะ พาย นัต ไอซ์ แต่ละคนสวยๆทั้งนั้นไม่มีใครมาจีบเค้าหรอก
หวงอยู่ดี ก็เค้ารักของเค้าอ่ะยังไงก็น่ารักของเค้าก็แล้วกัน การกระทำของผมคงเรียกรอยยิ้มจากคนตรงหน้าได้ไม่น้อยเพราะตั้งแต่มาถึงผมยังไม่เห็นว่าเธอจะหุบยิ้มเลยสักที
นับตั้งแต่อาหารจานแรกถูกนำมาเสิร์ฟจนกระทั่งจานสุดท้ายผมเทียวตักอาหารให้กับคนตรงหน้าจนเธอแทบจะทานไม่ทัน แม้ว่าเธอจะไม่ผอมลงไปเลยจากวันสุดท้ายที่เราพบกันแต่เธอกลับดูไม่สดใสสิ่งที่ถูกแต่งแต้มอยู่บนใบหน้าอาจจะทำให้เธอดูสดใสในสายตาคนอื่นแต่ไม่ใช่สำหรับผม ดวงตากลมโตของเธอนั้นมันไร้แววตาที่สดใสอย่างที่เมื่อก่อนนั้นเธอเคยมี ต่อจากวันนี้ไปผมจะทำให้ดวงตากลมโตคู่นั้นกลับมาเปล่งประกายอีกครั้งให้ได้
อิ่มมาก...ถ้าวันนี้เมาแล้วเอาของเก่าออกมา แจ๊สจะโทษซินคนเดียวเลยที่ให้เค้าทานเยอะขนาดนี้ ทันทีที่ก้นสัมผัสที่นั่งข้างคนขับเธอก็บ่นผมเข้าให้ละ
ก็อยากให้ทานเยอะๆ คนเป็นห่วงยังจะมาบ่นอีก ถ้ากลัวจะเอาของเก่าออกก็อย่าดื่มของใหม่เยอะนักสิครับ วันนี้...พี่คนนั้นเค้าไปรับแจ๊สมั้ยถ้าไม่ไปให้ซินไปรับนะ ผมพูดยิ้มกว้างรอรับคำตอบ
เอาไว้จะโทร.บอกนะคะ เธอตัดบทพูดผมเอาซะง่ายๆอย่างนั้นเลย
ผมอยากจะต่อถนนให้มันยาวกว่านี้จริงๆจากร้านอาหารริมแม่น้ำที่ผมเพิ่งพาเจ้าหญิงของผมไปดินเนอร์จนถึงร้านพี่พายทำไมมันใช้เวลาน้อยขนาดนี้ก็ไม่รู้ สถานที่ที่เธอจะไปมันก็คือร้านพี่ต้อมนั่นแหละ อยากจะเดินเข้าร้านไปนั่งเนียนๆอยู่ภายในร้านกับเธอแต่ก็ทำไม่ได้เพราะงานของผมมันอยู่อีกที่หนึ่ง แต่เอาเถอะให้เสร็จงานเมื่อไหร่จะรีบกลับมานั่ง (คุม) อยู่ห่างๆอย่างห่วงๆแต่จ้องตาไม่กระพริบ ผมส่งแจ๊สที่หน้าร้านพี่พายก่อนที่จะเอาตัวเองไปทำงานแบบไม่ค่อยจะเต็มใจเท่าไรนัก
ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะผ่านไปเร็วเสมอ
เพราะฉะนั้นจงเก็บเกี่ยวช่วงเวลาของความสุขเอาไว้ให้ได้นานที่สุดเท่าที่จะทำได้
แต่ต้องไม่ลืมด้วยว่า ความสุขที่เราได้มาต้องไม่ตั้งอยู่บนความทุกข์ของใคร
# # # # #
มาต่อให้อย่างต่อเนื่องนะครับ
ที่ตรงนี้...มีเรื่องราวมากมาย
ที่ผมจะจดจำตลอดไป
นายกานต์
By : นายกานต์   Date : 1 Nov 2013 12:15
|