Secret Lover รักลับๆเราสองคน Part.4
Part.4 =ช่วงเวลาดี-ดี=
ผมทิ้งตัวลงบนโซฟาตัวยาวก่อนจะถอนหายใจออกมาอย่างช้าๆและแผ่วเบาเพื่อผ่อนคลายความรู้สึกมากมายที่มันสุมอยู่ในอกนับตั้งแต่ "จูบ" นั้น หลังเสร็จสิ้นไดอะล็อคสั้นๆที่คล้ายเป็นการสั่งลากันเสียมากกว่าทั้งผมและเธอต่างไม่มีใครเริ่มต้นที่จะพูดถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เหตุการณ์ที่ทำให้หัวใจเต้นแรงกันทั้งคู่เหตุการณ์ที่นับจากวันนี้ไปผมจะไม่มีวันลืมมันลงเลย
"พี่แจ๊ส ซินถึงบ้านแล้วนะฮะ" ผมกรอกเสียงลงไปเมื่อรู้สึกได้ว่ามีคนรับสายแต่ยังไม่มีเสียงพูด นี่เป็นครั้งแรกที่ผมโทร.หาเธอ
"ค่าถึงบ้านแล้วก็ดีค่า อาบน้ำรึยังเด็กน้อย...หรือว่าพอถึงปุ๊บก็โทร.รายงานตัวกับพี่ปั๊บ" เสียงเธอสดใสปราศจากอาการของคนเมาคนนั้นที่ผมเห็น
"ถึงบ้านแล้วก็นั่งลงบนโซฟาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทร.รายงานตัวกับคุณนั่นแหละคร้าบ"
"แหม ทำเป็นเรียกคุณ...เด็กน้อยเอ๊ย"
"จริงๆก็ไม่น้อยแล้วนะ โตแล้วเรียนปีสุดท้ายพร้อมจะจบและด้วย"
"จริงจังไปได้น่า แล้วนี่ไม่ง่วงบ้างหรือยังไง...เรา"
"แค่ได้ยินเสียงพี่แจ๊ส ก็ไม่ง่วงแล้วล่ะ พี่แจ๊สล่ะง่วงมั้ยฮะ"
"หวานซะ ไม่ต้องเรียกพี่ก็ได้มั้งเรียกแจ๊สเฉยๆ เออ...แล้วก็ไม่เอาคำว่าคุณละนะ ฟังมาทั้งวันเบื่อและลูกค้ามาก็เรียกคุณแจ๊สคะ คุณแจ๊สครับ" น้ำเสียงสดใสของปลายสายทำให้ผมอมยิ้ม
นับจากวินาทีแรกที่บทสนทนาระหว่างผมกับเธอเริ่มต้นขึ้นจวบจนประโยคสุดท้ายที่เราคุยกันมันเป็นเวลาเพียงแค่หนึ่งชั่วโมงห้าสิบสามนาทีสี่สิบสามวินาที...แต่มันช่างเป็นช่วงเวลาที่ผมไม่คิดที่จะลืมมันเลย ไม่ว่าจะเป็นวันที่ เดือน ปี หรือระยะเวลา เวลาเริ่มต้นและเวลาที่มันสิ้นสุดลงทุกสิ่งทุกอย่างที่เราคุยกัน เรื่องราวของเธอ นอกจากนั้นอีกเรื่องหนึ่งที่ผมได้รับรู้นั่นก็คือ "เธอมีแฟนแล้ว"
ผมทิ้งตัวลงบนโซฟาหลังจากตลอดระยะเวลาที่คุยกับเธอนั้นผมเดินไปเดินมาเพราะร่างกายไม่หยุดเคลื่อนไหวไม่ได้เมื่อได้ยินเสียงใครบางคนที่มีผลต่อหัวใจ คนที่ทำให้หัวใจเต้นแรงเพียงแค่ได้ยินเสียง และหัวใจแทบจะหยุดเต้นเมื่อยินคำตอบ...คำตอบของคำถามที่ผมถามเธอ
"แจ๊สมีแฟนยังอ่ะเห็นไปไหนมาไหนกับเพื่อนๆตลอดคงยังไม่มีแฟนอ่ะดิ" ผมตั้งใจจะลองเชิงไปอย่างนั้น ผู้หญิงถ้าหากว่ามีแฟนแล้วส่วนมากจะทำตัวติดกับแฟนตลอดแต่เธอไม่ว่าผมจะเจอสักกี่ครั้งผมก็เห็นเธออยู่กับเพื่อนตลอด
"มีแล้วค่ะ" หลังสิ้นเสียงของปลายสายผมถึงกับอึ้งกับคำตอบที่ไม่คิดจะได้รับ "เงียบไปเลยไม่เชื่ออ่ะดิ ก็แจ๊สไปไหนกับเพื่อนตลอดใช่มะ" สงสัยผมจะเงียบเกินไปจนเธอต้องพูดต่อ
"อืมฮะคงงั้นมั้ง แล้วทำไมแจ๊สถึงไม่ไปกับแฟนล่ะฮะ แปลก"
"แฟนแจ๊สเค้าบ้างานน่ะ ทำแต่งาน งาน งาน...ในชีวิตเค้ามีแต่คำว่างานคำเดียวน่ะ" น้ำเสียงเธอดูเปลี่ยนไปนิดหน่อยแต่ผมก็สังเกตถึงความเปลี่ยนแปลงนั่นได้
"คงเหงาเนอะ...แบบอยากมีแฟนไปไหนด้วยแต่ก็ไม่มี แล้วแบบนี้จะมีแฟนไปทำไม"
"มันก็ไม่เหงานะเพราะมีเพื่อน แค่อยากมีคนสนใจอยากมีคนใส่ใจ...แต่แจ๊สเป็นคนเลือกทางนี้เองแหละ จะไปโทษพี่เค้าก็ไม่ได้เค้าไม่ได้ทำอะไรผิดเค้าบอกเราแล้วแต่เราไม่ฟังอยากจะคบกับเค้าเอง"
"งั้นเปลี่ยนเรื่องดีกว่า พูดเรื่องนี้แล้วเสียงแจ๊สไม่สดใสเลย...ไม่ชอบเลยอ่ะ"
ผมนั่งคิดถึงเหตุการณ์ที่เพิ่งเกิดขึ้นกับสิ่งที่ผมเพิ่งได้รับรู้เรื่องราวต่างๆที่เกี่ยวกับเธอ ผู้หญิงคนหนึ่งที่ผ่านเข้ามาในชีวิตของผมเข้ามาทำให้หัวใจของผมเต้นแรงเพียงแค่ได้ยินเสียง เข้ามาทำให้ความร้อนบนใบหน้าผมเพิ่มขึ้นเมื่อได้ทุกเมื่อที่นึกถึงทำให้ผมไม่เป็นตัวของตัวเองเมื่อได้อยู่ใกล้ ทำไมนะ...ทำไมกัน ทำไมเราถึงต้องเจอกันในขณะที่เธอยังมีใครคนนั้นอยู่
"ไปนอนได้แล้วเด็กน้อย" ดูจากน้ำเสียงแล้วน่าจะเป็นเธอมากกว่าที่ง่วงนอน แต่กลับมาไล่ให้ผมไปนอนซะอย่างนั้น
"โอ.เค ง่วงแล้วสิ ถ้างั้นก็ฝันดีนะคร้าบ"ผมหยุดไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ "เจ้าหญิงของซิน"
"ปากหวานจังนะจ๊ะ พี่น่ะแก่แล้วเจอมาเยอะและแบบเราน่ะ เด็กเอ๋ยเด็กน้อย"
"คำก็เด็ก สองคำก็เด็กนะ...เด็กก็มีหัวใจ อยากจะรักใครและดูแลใครสักคนเหมือนกันนะคร้าบ" ผมหยอดอีกสักครั้ง
"ป่ะๆ นอนๆ ฝันดีนะจ๊ะ เด็กน้อย"
เจ้าของเสียงหวานที่มากล่อมให้หลับฝันดีวางสายไปแล้วแต่ผมยังคงนั่งกำโทรศัพท์เอาไว้แน่นราวกับกลัวว่าจะมีใครมาแย่งเอามันออกจากมือไป ก่อนที่หนังตาจะเริ่มหนักอึ้งขึ้นเรื่อยๆตามเข็มของนาฬิกาที่เดินพ้นไปในแต่ละวินาที ทำไมมันช่างง่วงขนาดนี้ทั้งที่ก่อนหน้าไม่มีวี่แววว่าอยากจะนอนเลยสักนิด
……
คืนวันหยุดเพียงวันเดียวของร้านพี่ต้อมและเป็นวันหยุดเพียงวันเดียวของผมกับเพื่อนร่วมวงดนตรีแต่ไม่ใช่กับวันนี้เมื่ออยู่ๆเพื่อนในวงดนตรีที่มีชื่อว่าไอ้อาร์ตมันโทร.มาหาผมตั้งแต่เช้าว่าสามสาว พี่นัตตี้ พี่พาย และแจ๊สมีแผนว่าจะมาปาร์ตี้กันที่คอนโดของผม
"ทำไมต้องเป็นคอนโดกูวะอาร์ตห้องกูอย่างรก ให้ตายเหอะแล้วคุณนายทั้งสามท่านจะมากันกี่โมง" ผมกรอกเสียงลงไปยังปลายสายในใจก็คิดไปว่าทำไมเมื่อคืนเจ้าของรถยนต์คันหรูไม่ยอมบอกผมสักคำ หรือว่าตัวเธอเองก็ไม่รู้เรื่องนี้เหมือนกัน
"มึงจะรอให้กูพูดให้จบก่อนเนี่ยมันจะเสียเวลามึงมากมั้ย กูกับนัตจะไปพัทยากันและก่อนกูจะโทร.มาหามึงเนี่ยนัตโทร.ไปถามพี่แจ๊สกับพี่พายแล้ว ตกลงสองคนนั่นไปด้วย...เออเมื่อคืนมึงขับรถพี่แจ๊สกลับคอนโดงั้นมึงก็ไปรับพี่แจ๊สแล้วก็มาเจอกูที่ร้านพี่พายนะรู้เรื่องเปล่าเนี่ย" ได้ทีไอ้คุณเพื่อนของผมพูดยาวโดยที่ผมไม่มีโอกาสได้ตอบโต้
"เออคร้าบ คุณเพื่อน...ตกลงมึงกับพี่นัตเนี่ยถึงไหนต่อไหนและใช่มะ" จะเป็นเรื่องแปลกมั้ยที่ทอมจะอยากรู้เรื่องราวของเพื่อนคนหนึ่งซึ่งเป็นผู้ชาย
"มันก็เรื่องของกูน่าคุณเพื่อน เอาเป็นว่ามึงไปอาบน้ำแต่งตัวแล้วก็ออกไปรับคุณพี่แจ๊สได้ละ"ได้ทีเพื่อนหนุ่มก็ไล่ให้ผมไปจัดการทุกสิ่งอย่างตามที่มันสั่ง
"เออรับทราบคร้าบ"
หลังจากวางสายจากเพื่อนรักผมก็ไม่รอช้ารีบเอาร่างกายของตัวเองไปล้างน้ำก่อนจะเลือกเสื้อผ้าที่เหมาะกับอากาศสบายๆท่ามกลางแสงแดดและเกลียวคลื่นเป็นเสื้อเชิ๊ตสีขาวที่สวมทับเสื้อกล้ามเอาไว้ปลดกระดุมลงนิดหน่อยราวกับอยากจะโชว์แผ่นอก(ที่แสนจะราบเรียบ) ท่อนล่างเป็นกางเกงลำลองขาสั้นสีน้ำเงินเข้ม เสื้อผ้าพร้อมก็ละเลงแว๊กลงบนเส้นผมก่อนจะปัดๆให้ดูเซอร์และก็ถึงเวลาออกเดินทางไปรับสาวสวยที่มาคอยปั่นป่วนหัวใจของผมอยู่ตลอดเวลาเสียที
ตรงหน้าประตูอัลลอยด์ขนาดใหญ่มีร่างกายบอบบางของหญิงสาวที่ก่อนหน้าผมเพิ่งโทร.บอกเธอว่าใกล้จะถึงบ้านของเธอแล้วยืนรออยู่ วันที่อากาศสดใสเธอสวมชุดเดรสสายเดี่ยวลายดอกไม้เล็กๆสีเบตในมือมีกระเป๋าสะพายใบเล็กส่วนรองเท้าเป็นรองเท้าลำลองเข้ากันกับชุด
"แจ๊สสวยจังฮะ" ปากผมมันไวเฉกเช่นปกติ พูดตรงจนคนที่เพิ่งเคลื่อนตัวลงมานั่งที่เบาะข้างคนขับถึงกับหัวเราะคิก
"อะไรอ่ะ ซินพูดตรงๆนะ...สวย น่ารัก"
"แล้วปกติไม่สวยหรือยังไงห๊ะ"
"ก็สวย แต่วันนี้ทั้งสวยทั้งน่ารัก...ปกตินั่นมันสวยแบบเซกส์ซี่" ผมตอบตรงๆตามความคิดของตัวเอง
"เอาล่ะๆ พอละ หยุดชมได้แล้วขับรถไปได้แล้วป่ะ"
"หิวมั้ย" ผมถามขึ้นหลังจากที่เงียบไปครู่หนึ่งและตอนนี้ก็นึกได้ว่าในขณะที่รอให้ผมแห้งผมได้เอาเวลาตรงนั้นไปทำแซนวิสอย่างง่ายๆเพราะกลัวว่าเจ้าหญิงของผมจะหิว
"หิว แต่ถ้าแวะทานอะไรกันก่อนพวกนั้นต้องบ่นแน่ๆ"
"อยู่ในกล่องตรงเบาะหลังอ่ะ เอามาทานรองท้องก่อนสิ" ผมพูดแต่สายตาก็ยังคงจับจ้องอยู่ที่ท้องถนนเบื้องหน้า
"ว้าว โปรโมชั่นเริศสุดๆ คนขับรถสุดหล่อทำแซนวิสมาให้ทานรองท้องด้วยแหะ" ผมไม่สามารถละสายตาไปจากท้องถนนเบื้องหน้าเพื่อมองดูปฏิกิริยาของคนข้างกายได้แต่แค่น้ำเสียงของเธอก็ยืนยันได้เป็นอย่างดีว่าเธอประทับใจในสิ่งที่ผมทำให้เธอ
"คนขับรถคนนี้นี่น่ารักสุดๆ" เธอพูดต่อ
"งั้นก็รักสิ แล้วจะตามขับรถแถมดูแลฟรีตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงเลยนะ"
"ตลกละเด็กน้อย"
"จริงจังนะเนี่ย ชอบหาว่าซินพูดเล่นอยู่เรื่อยเลย"
"พอละพอ ถ้าแจ๊สคิดจริงขึ้นมาเนี่ยจะลำบากนะคะ" เธอพูดตัดบทก่อนจะเงียบลงแล้วหยิบเอาโทรศัพท์มือถือขึ้นมากดยิกๆแบบไม่สนใจกัน ส่วนอีกมือนั้นก็ยังถือแซนวิสที่ผมทำมาเอาไว้อยู่
เมื่อถึงร้านของพี่พายผมกับแจ๊สก็ยิ่งห่างกันเรื่อยๆจนกระทั่งเวลาแห่งการเดินทางมาถึงอีกครั้ง อีกครั้งที่เธอจะมานั่งตรงเบาะข้างกายผม ในเมื่อผมมีหน้าที่เป็นคนขับรถในวันนี้และพี่พายก็อยากจะนั่งที่เบาะหลังมากกว่าพื้นที่ว่างข้างกายผมเลยตกเป็นของเจ้าของรถอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ส่วนอาร์ตกับพี่นัตแยกไปอีกคันอย่างคนที่อยากจะมีโลกส่วนตัวสีชมพูเพียงลำพังสองต่อสอง
เสียงโทรศัพท์ที่ดังเข้ามาทำให้ผมต้องหยิบเอาหูฟังบลูทูธที่เหน็บเอาไว้ตรงกระเป๋าเสื้อขึ้นมาเสียบไว้ที่หู ยิ่งได้ยินเพลงก็เดาได้ไม่ยากว่าจะเป็นใครเพราะมันถูกตั้งเอาไว้เฉพาะคนในวงดนตรีจึงจะมีเพียงแค่ไอ้อาร์ตกับไอ้เวย์เท่านั้นแต่วันแบบนี้ไม่น่าจะใช่ไอ้เวย์เพราะมันคงไม่สามารถหยิบโทรศัพท์โทร.หาใครได้เพราะแฟนคุมแบบตามติดเป็นเงาตามตัว
"ว่าไง"
"กูกับพี่นัตคิดว่าจะเปลี่ยนโปรแกรมกันมึงถามสองสาวในรถมึงดิ๊ว่าเอาเสื้อผ้าติดกันมาบ้างหรือเปล่า" สิ้นเสียงของอาร์ตผมก็หันไปถามสุภาพสตรีทั้งสองท่านในรถ
"พี่พาย พี่แจ๊ส พี่นัตให้ถามว่าได้เอาเสื้อผ้าติดกันมาบ้างหรือเปล่าฮะ"
"ของพี่มีอยู่ในรถอยู่แล้ว และแกล่ะพาย"พี่แจ๊สหันไปถามเพื่อนที่นั่งอยู่ที่เบาะหลัง
"เอามาชุดเดียวอ่ะ มีไรป่ะ"
"สองคนนั่นเค้าจะเปลี่ยนโปรแกรม"ผมตอบสั้นๆก่อนจะกรอกเสียงลงโทรศัพท์ "พี่พายมีมาชุดเดียว"
"พี่นัตเค้าอยากไปเกาะหมาก เปลี่ยนแผนไปเกาะหมากกันค้างหนึ่งคืนพรุ่งนี้กลับโอ.เคมั้ยมึง ถามสองสาวนั่นด้วย"
"เอ่อ พี่นัตเค้าจะเปลี่ยนแผนไปเกาะหมาก พี่แจ๊สกับพี่พายจะโอ.เคมั้ยฮะ"ผมทำหน้าที่ตัวส่งสารในใจก็แอบๆหวังว่าพี่แจ๊สและพี่พายจะเห็นด้วยและยอมไป
"พี่ใส่เสื้อผ้านังแจ๊สได้ เพราะงั้นบอกนัตไปเลยว่าโอ.เค" คนตอบคำถามของผมกลายเป็นพี่พายที่นั่งอยู่เบาะหลัง
"เออ ตามนั้นแล้วเจอกันที่ท่าเรือนะมึง มึงก็อย่าลืมโทร.ไปคอนเฟิร์มเรือกับที่พักด้วยนะมึง"ผมพูดกับเพื่อนต่อสักพักก็วางสาย และหันไปสนใจท้องถนนเบื้องหน้า
เกาะหมากจังหวัดตราด เกาะขนาดใหญ่อันดับสามรองจากเกาะช้างและเกาะกูดปัจจุบันยังคงความเงียบสงบเอาไว้นอกจากนี้ยังสามารถนั่งเรือเปลี่ยนบรรยากาศไปยังเกาะขาม เกาะระยั้งและเกาะกระดาดแบบส่วนตัวได้อีกด้วย เกาะหมากอยู่กึ่งกลางระหว่างเกาะช้างและเกาะกูดห่างจากฝั่งอำเภอแหลมงอบประมาณ 40 กม.และใช้เวลาเดินทางจากท่าเรือแหลมศอกโดยเรือเร็วประมาณ 30-50 นาที
บ้านพักที่ไอ้อาร์ตโทร.จองเอาไว้ก่อนมาถึงเป็นบ้านพักแบบ 2 ห้องนอน 2ห้องน้ำ หนึ่งห้องรับแขก ห้องครัวและแน่นอนว่าห้องหนึ่งเป็นของอาร์ตกับพี่นัตอีกห้องเป็นห้องของผมพี่แจ๊สและพี่พายต้องนอนด้วยกัน หลังจากที่มาถึงที่พักเพราะความเหนื่อยล้าทำให้ทุกคนต่างแยกย้ายไปจัดการธุระส่วนตัว พี่พายกับพี่แจ๊สอยู่ในห้อง อาร์ตกับพี่นัตก็หายเข้าไปในห้องอีกห้องหนึ่ง ส่วนผมก็นั่งทอดอารมณ์มองไปยังท้องทะเลเบื้องหน้าบนเปลยวนที่ถูกผูกเอาไว้ระหว่างต้นมะพร้าวสองต้นตรงหน้าบ้านพัก
"ไม่เหนื่อยหรือไง ทั้งขับรถทั้งนั่งเรือ"น้ำเสียงคุ้นหูดังขึ้นมาจากเบื้องหลัง
"ก็เหนื่อย แต่เห็นพี่แจ๊สกับพี่พายเข้าไปในห้องกันก็เขินๆ ไม่รู้จะเข้าไปอยู่ยังไง" ผมตอบไปทั้งที่ยังไม่หันไปมองต้นเสียง
"แล้วคืนนี้จะนอนยังไงอย่าบอกว่าไม่นอนเพราะยังไงพรุ่งนี้ก็ต้องขับรถอีก"
"ก็รอให้สุภาพสตรีหลับกันก่อนแล้วค่อยตามไปนอน"
"แหมทำตัวเป็นอะแมนมากๆ"สิ้นคำตอบเสียงหัวเราะของผมกับเธอก็ดังขึ้นจนเกือบจะพร้อมกัน
"มาเที่ยวค้างที่อื่นแบบนี้แล้วคุณแฟนไม่ว่าอะไรเหรอฮะ"บรรยากาศดีๆแต่ไม่รู้ผีสางนางไม้ที่ไหนที่ชวนให้ผมพูดอะไรที่กำลังทำลายบรรยากาศที่แสนดีให้หม่นลงไปโดยสิ้นเชิง
"พี่เค้ายังไม่รู้ด้วยซ้ำมั้งว่าแจ๊สไม่อยู่กรุงเทพ เมื่อเช้าก็พยายามจะโทร.บอกแล้วนะแต่ติดต่อไม่ได้เลย"น้ำเสียงของเธอดูไม่สดใสเลยให้ตายเถอะ
"งั้นก็ช่างเหอะเนอะ เอาไว้เดี๋ยวค่อยโทร.ใหม่ พี่เค้าอาจจะยุ่งๆอยู่ก็ได้" ปกติแล้วผมเป็นคนปลอบใจใครหรือว่าทำอะไรให้ใครรู้สึกดีขึ้นไม่เป็นนักหรอกแต่ผมก็จะพยายามทำให้ดีที่สุดเพราะรอยยิ้มของเธอคือความสุขของผม
ไม่นานนักที่แจ๊สมาคุยกับผมพี่พายก็เดินออกมาตามทั้งคู่เริ่มปฏิบัติการตามแนวทางผู้หญิงท่องเที่ยวนั่นก็คือ "การถ่ายรูป" ตัวเองกับมุมนั้นมุมนี่ของที่พัก ไม่ก็ท้องทะเลยามบ่ายที่แดดไม่แรงเท่าไหร่และแน่นอนว่าผมนั่นเองที่ต้องกลายร่างจากคนขับรถเป็นช่างภาพประจำตัวสองสาวจนกระทั่งเย็นย่ำก็มีปาร์ตี้บาร์บีคิวเล็กๆโดยที่เราสั่งอาหารทะเลกับทางพนักงานพร้อมกับเตาบาร์บีคิวรวมถึงเครื่องดื่ม ส่วนเรื่องของหน้าที่ปิ้งย่างนั้นก็คงจะไม่พ้นสองหนุ่มในทริปนี้ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้หากไม่ใช่ผมและไอ้อาร์ตเพื่อนรัก
รอบข้างมีแต่คนที่กำลังสนุกสนานกับปาร์ตี้เล็กๆของพวกเราทั้งเครื่องดื่มผสมแอลกอฮอร์ที่เข้ากันได้ดีกับอาหารทะเลปิ้งย่างและบรรยากาศหน้าบ้านพักที่หันหน้าออกสู่ท้องทะเลกว้างใหญ่ เสียงคลื่นที่ซัดสาดเป็นดั่งเสียงดนตรีที่ไพเราะอีกทั้งกลิ่นไอทะเลที่แสนจะอบอุ่นแต่ผู้หญิงร่างเล็กที่กำลังนั่งอยู่ข้างกายผมในแววตาคู่นั้นทำให้ผมเข้าใจได้ว่าเธอกำลังรู้สึก ว่างเปล่า
พี่พายหนีเข้าห้องนอนไปก่อนใครเพราะทั้งความเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางและเสียงโทรศัพท์ที่ดังขึ้นมานั้นทำให้เธอต้องหลบเข้าไปคุยในที่เงียบๆ แต่คงเพราะเงียบเกินไปผมจึงไม่เห็นเธอออกมาปาร์ตี้อีกเลย และต่อจากนั้นก็ตามด้วยไอ้อาร์ตและพี่นัตที่จูงมือกันเข้าห้องไปเหลือเอาไว้เพียงผมกับคนร่างเล็กที่นั่งมองท้องทะเลยามค่ำคืนในมือถือแก้วเครื่องดื่มมึนเมาเอาไว้
"ถ้าซินเป็นแฟนแจ๊ส ซินจะละเลยจะไม่ใส่ใจแจ๊สเหมือนที่พี่เค้าทำกับแจ๊สมั้ย" อยู่ๆคนที่นั่งอยู่ข้างๆผมก็พูดขึ้นมาอย่างแผ่วเบาสายตาคู่นั้นก้มต่ำมองแก้วเครื่องดื่มในมือ
"ถ้าแจ๊สเป็นแฟนซิน ซินจะไม่ทำให้แจ๊สรู้สึกอ้างว้างหรือรู้สึกว่าตัวเองไม่สำคัญเลยสักวินาทีเดียว" นั่นคือคำตอบที่ผมตอบกลับไปอย่างแผ่วเบาไม่ต่างกัน
ผมรู้สึกได้ถึงน้ำหนักของอะไรบางอย่างที่อิงอยู่ตรงที่ไหล่ของผมไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนข้างกายได้อิงผมอยู่อย่างคนที่ต้องการที่พักพิงมันไม่ใช่แค่เพียงร่างกายแต่ผมเหมารวมถึงหัวใจที่เหน็ดเหนื่อยของเธอเช่นกัน ผมเอื้อมมือไปกุมมือของเธอเอาไว้หลวมๆความอบอุ่มของอุ้งมือของผมจะทำให้เธอรับรู้ได้บ้างไหมว่าคนๆนี้มัน รักเธอเพียงใด
**เกลียดใครบางคนที่เราไม่รู้จัก
เพียงเพราะว่า คนๆนั้น คือ คนรัก ของคนที่เรารัก**
= = = = =
หวังว่าตอนนี้จะสร้างความประทับให้กับเพื่อนๆนักอ่านทุกๆคนนะคร้าบ
Comment เล็กๆ แต่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนเีขียนอย่างยิ่งใหญ่
อย่าลือม Comment กันเยอะๆน๊าา ^ ^
By : นายกานต์   Date : 13 Feb 2012 11:46
|