Dark Side(7)
หน้าประตูห้องเขามีการ์ดรออยู่2คน หน้าลิฟท์อีก2 และเชื่อได้เลยว่าจะไล่ยาวจนไปถึงรถนั่นแหล่ะ เด๋วก้อคงจะมีคนมาถาม ถ้าหวังดีก้อน่าจะถามว่า รัฐมนตรีมาหาคุณหรือ แต่ถ้าหวังร้ายก้ออาจจะเปน เขามาตามจับใครน่ะ จะหวังดีหรือหวังร้ายก้อยุ่งทั้งนั้น เฮ้อ..
วันทั้งวันผ่านไปอย่างเงียบสงบ พริ้นซ์นั่งเล่นเกม หาอะไรกิน เล่นเกม กิน หาข่าว กิน หาข่าว เล่นเกม กิน และนอน
เช้าของวันอาทิตย์ เสียงเคาะประตูดังตั้งแต่หนุ่มน้อยยังไม่ตื่น เขาสะลึมสะลือคลานลงจากเตียงไปส่องที่ตาแมวอย่างระแวง ผู้ที่มาเคาะประตูเปนชายสองคนที่แต่งตัวอย่างที่เขาเริ่มเหนจนชินตา การ์ด2คนนั้นนั่นเอง แต่เขาก้อไม่ได้เอะใจอะไรคิดเพียงแค่ว่า คุณหนูคงหนีมาเที่ยวอีกแล้วสินะ แต่วันนี้ไม่ได้มาที่นี่นี่นา ด้วยใจที่สังหรณ์แปลกๆเขาจึงเปิดประตูรับ อาการงัวเงียหายเปนปลิดทิ้ง
ครับ เปิดประตูกว้างขึ้น แต่ตัวยังอยู่ในระยะที่ห่างพอสมควร
การ์ดทั้งสองก้มหัวให้ 1ใน2พูดขึ้นว่า บอสขอเชิญคุณไปพบน่ะครับ
เห..บอสคุณเปนใคร ผมไม่รู้จักซะหน่อย พริ้นซ์ออกอาการงง
เปนท่านพ่อของคุณไวท์น่ะครับ การ์ดคนเดิมตอบ
เอ้อ..เรื่องนั้นผมทราบแล้ว แต่วันนี้ไวท์ไม่ได้มาที่นี่นะครับ พริ้นซ์เริ่มจับต้นชนปลายไม่ติด
เราทราบครับ ที่มาวันนี้เพียงต้องการเชิญคุณไปพบบอสเท่านั้นครับ คราวนี้การ์ดอีกคนเปนผู้ตอบคำถามแทน
พริ้นซ์สงสัยอยู่ตะหงิดๆ แต่ด้วยความอยากรู้ว่ามีอะไร งั้นเด๋วขอเวลาผมอาบน้ำแต่งตัวซักครู่นะครับ
การ์ดทั้งสองคนก้มหัวให้ และยืนคอยอย่างสงบ พริ้นซ์จึงปิดประตูห้องแล้วจัดการกับตัวเองอย่างรวดเรว
เวลาผ่านไปเพียง 10นาที หนุ่มน้อยก้อปรากฎตัวอีกครั้งด้วยเชิ้ตแขนยาวสีขาวเรียบร้อย กางเกงสแล็ค และรองเท้าหนังมันวับ แต่ก้อยังดูดีไม่เท่าการ์ดที่มารับเขาหรือคนอื่นๆที่เขาเจอเลยด้วยซ้ำ การ์ดทั้งสองแต่งตัวด้วยสูทสีดำเรียบสนิท เนคไทด์ดำ และรองเท้าหนังที่มันวับไม่แพ้เขา เขาพยักหน้าให้การ์ดเปนเชิงว่าพร้อมแล้ว ทั้งสองคนก้มหัวให้ก่อนเดินนำไป พริ้นซ์ปิดประตูแล้วเดินตามไป
การ์ดทั้งสองนำเขามาถึงรถคนหนึ่ง ซึ่งดูแล้วก้อคงจะเปนบีเอ็มซักซีรีย์นึง เพราะทั้งคันเหมือนจะถูกโมดิฟายย์ใหม่ทำให้เขาไม่รู้รุ่นที่แน่นอน รอบคันติดฟิล์มทึบ แถมมีม่านอีกต่างหาก เมื่อเขาขึ้นไปนั่งก้อมองออกมาข้างนอกไม่เหนเลย และคนข้างนอกก้อคงมองเข้ามาไม่เหนเช่นกัน หนุ่มน้อยนั่งแบบสบายๆแต่ร่างกายเตรียมพร้อมรับเหตุเปลี่ยนแปลงเต็มที่
เวลาผ่านไปประมาณ45นาที รถก้อจอดสนิท เมื่อเปิดประตูออกก้อพบว่าการ์ดที่มารับเขาทั้ง2คนยืนรออยู่ เชิญครับ
หนุ่มน้อยมองสำรวจไปรอบๆ ลักษณะอาคารนั้นเปนแบบอาคารจอดรถที่ก้อคงจะเปนชั้นใต้ดิน และคงเปนที่จอดเฉพาะรถของคนสำคัญ เพราะด้านหน้ามีประตูเหล็กกั้นระหว่างลานจอดที่เขาอยู่นี้กับภายนอก เขากวาดสายตาสำรวจบรรดารถที่จอดอยู่ ซึ่งถ้าไม่บีเอ็มก้อเบ็นซ์จอดเรียงกันอยู่ ทุกคันอย่าพูดถึงราคา รถคันนึงก้อน่าจะซื้อบ้านได้ซักหลังล่ะมั๊ง
พริ้นซ์ก้าวลงจากรถที่เขาในใจตะหงิดๆว่าอยากได้ ทั้งเรวทั้งนุ่ม..งึมๆ.. แล้วเดินตามการ์ดทั้งสองไป พักเดวก้อมาถึงหน้าลิฟท์ เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก ภายในมีการ์ดอีกคนยืนรอต้อนรับอยู่ เมื่อเขาเดินเข้าไปภายใน การ์ดทั้งสองที่ไปรับเขามาก้มหัวให้แล้วหันหลังเดินกลับไปทางเดิม
พริ้นซ์ยืนอยู่ด้านในสุดโดยเอาหลังพิงกำแพงลิฟท์ไว้ บนปุ่มกดเลขข้างประตูมีตัวเลขอยู่เพียง 10ตัว และอีกหนึ่งปุ่มที่เขียนเปนสัญลักษณ์ การ์ดกดลงที่ปุ่มสัญลักษณ์นั้น เมื่อประตูลิฟท์ปิดลงเขาจึงได้สำรวจภายในลิฟท์ และมันก้อทำให้เขาเพิ่งรู้ว่าลิฟท์ไฮโซมันเปนอย่างนี้นี่เอง ภายในลิฟท์กว้างขวางพอที่จะลงไปนอนเล่นได้ พรมที่ปูพื้นนุ่มสบายเท้า จนถ้าลงไปนอนจิงๆก้อคงหลับสบาย กลิ่นในลิฟท์ก้อหอมมาก แสงสว่างขนาดพอดีไม่แสบตาแล้วก้อไม่มืดเกินไป แถมท่าทางเคลื่อนที่เรวอีกต่างหาก หลังจากตัวเลขบอกระดับชั้นที่ 10ผ่านไป ก้อไม่มีตัวเลขใดขึ้นมาอีก แต่ลิฟท์ยังคงเคลื่อนที่อยู่ ผ่านไปครู่เดว เขาก้อรู้สึกได้ว่าลิฟท์ช้าและหยุดลง
ระวังด้านหลังนะครับ นั่นเปนประตู เสียงการ์ดดังขึ้นอย่างสุภาพ
พริ้นซ์ขยับตัวยืนตรงจากอาการพิงทันที่ประตูลิฟท์เปิดออกพอดี เขาหันกลับไปงงๆก้อเจอกับการ์ดอีกชุดหนึ่ง ที่ไม่แน่ใจว่าบอสของที่นี่ไปสรรหามาจากไหน หน้าตาการแต่งตัวส่วนสูงมันถึงได้ออกมาพิมพ์เดวกันแบบนี้ อย่างกับโคลนนิ่งมายังไงยังงั้น ยืนรอต้อนรับเขาอยู่ ทั้งชุดก้มหัวให้แล้วเดินนำเขาไปตามทางที่บอกไม่ถูกว่าเปนออฟฟิสหรือบ้านหรือปราสาท พรมที่หนานุ่มน่าลงไปกลิ้งๆๆๆ ต้นไม้กระถางที่ส่วนใหญ่เปนไม้ดอก รูปภาพแขวนฝาผนังที่ดูแล้ว ของจิงแน่นอน ผนังทางซ้ายมือเปนกระจกใสแต่มองด้วยตาเปล่าก้อรู้ว่าเปนกระจกกันกระสุนเอียงทำมุมเกือบ45องศาระหว่างพื้นกับเพดาน โคมไฟคริสตัลที่ไม่ระย้าแบบห่วยๆ แต่ดูดีและมีรสนิยม แสงนวลตาทำให้หนุ่มน้อยเกิดความรู้สึกผ่อนคลาย ระหว่างทางเดินมีทั้งประตูและทางแยกไปได้หลายทางราวกับรังมด แต่การ์ดพาเขาเดินตรงมาจนสุดทางเดินที่เปนลิฟท์อีกตัวหนึ่ง ลิฟท์ตัวนี้ไม่มีปุ่มสำหรับกด แต่มีช่องให้ใส่การ์ดประจำตัวลงไป การ์ดคนหนึ่งดึงการ์ดออกมาจากกระเป๋าเสื้อ แล้วเสียบลงไปพร้อมกับแปะหัวแม่มือไว้บนช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆใต้ช่องใส่การ์ด เพียงครู่เดวก้อมีไฟสีเขียวดวงจิ๋วปรากฎขึ้น และประตูลิฟท์ก้อเปิดออก
การ์ดชุดนั้นก้มหัวเปนเชิงให้เขาเข้าไป พริ้นซ์ก้อไม่พูดอะไรเดินตรงเข้าไปในลิฟท์ ภายในไม่มีปุ่มกดใดๆทั้งสิ้น เปนลิฟท์ขนาดไม่ใหญ่มาก แต่ไฮโซกว่าตัวแรกอีก ความกว้างขนาดประมาณ 2x2เมตร ไม่ถือว่าเล็กสำหรับลิฟท์โดยทั่วไป แต่กลับเล็กกว่าตัวแรกที่เขาขึ้นมา ภายในตกแต่งด้วยพรมนุ่ม มีเก้าอี้ขนาดพอดีนั่ง และโต๊ะตัวเล็กตั้งไว้กลางลิฟท์ บนโต๊ะวางไว้ด้วยกาแฟหอมกรุ่นและน้ำเปล่า มุมในสุดมีต้นไม้กระถางเปนจำพวกไม้ใบอยู่กระถางหนึ่ง กลิ่นของแอร์รีเฟรชชั่นเนอร์หอมสบาย จนเขารู้สึกว่าลิฟท์ตัวนี้จะใช้เวลาเดินทางนานขนาดที่ต้องมีโต๊ะและเก้าอี้ไว้ให้นั่งเชียวหรือ เขาไม่แตะต้องของสักชิ้นที่อยู่ภายในลิฟท์นั้น บทเรียนที่เขาเคยได้รับมาเกินพอสำหรับสิ่งที่ยังไม่รู้แน่ชัดว่ามิตรหรือศัตรู หนุ่มน้อยยินกอดอกพิงผนังด้านหนึ่งเงียบๆ เพียงชั่วไม่กี่อึดใจเขาก้อรู้สึกได้ว่าลิฟท์หยุดลง
เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก ก้อเหนการ์ดอีกชุดยืนรอเขาอยู่ หนุ่มน้อยได้แต่คิดในใจว่า ที่นี่ใช้การ์ดเปลืองเหลือเกิน แต่เขาก้อแปลกใจที่ไม่เหนคนอื่นเลย เมื่อการ์ดเดินนำไปอีก เขาก้อได้แต่เดินตามต๊อกๆ ไปเรื่อยๆ ผ่านโค้งมาก้อพบกับประตูกระจกบานใหญ่ ด้านนอก เอ๊ะ หรือด้านในก้อไม่รู้ ดูแล้วเหมือนป่าเลย มีการ์ดคนหนึ่งยืนอยู่ข้างประตู เมื่อเหนพริ้นซ์มาถึงเขาก้อหยิบการ์ดมาเสียบเหมือนตอนเปิดลิฟท์ ประตูกระจกเลื่อนออกทางด้านข้างอย่างช้าๆ การ์ดที่ยืนรออยู่เดินนำเข้าไปหนุ่มน้อยก้อเดินตามไปเรื่อยๆ เริ่มปลงหน่อยๆว่าต้องเดินจนถึงเยนเลยหรือเปล่า ที่นี่ดูกว้างใหญ่ สบายและหรูหราจิง แต่ความอบอุ่นสบายใจเท่าห้องรูหนูของเขาไม่ได้เลย
เมื่อเดินเข้าเขตสวน(ป่า??) หนุ่มน้อยรู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของแสงแดดที่ส่องผ่านกระจกด้านบนลงมา กลิ่นต้นไม้ต้นหญ้าหอมสบาย พริ้นซ์ชอบกลิ่นต้นไม้ต้นหญ้า กลิ่นของป่ามากที่สุด ความอึดอัดในตอนแรกจึงจางหายไป เขาหยุดยืนมองไปรอบๆอย่างมีความสุขที่ได้เหนต้นไม้มากมาย และต้นไม้ก้อเปนแบบไม้ยืนต้นซะด้วย จัดออกมาได้ราวกับป่าจิงๆ มีทั้งเถาวัลย์ รากไม้ และถ้าได้ยินไม่ผิด เขาได้ยินเสียงนกร้องด้วย การ์ดที่เดินนำเขามาก้อหยุดรอให้เขาสำรวจอย่างสบายใจ ไม่มีท่าทางเร่งหรือรีบร้อนแม้แต่น้อย พริ้นซ์สูดลมหายใจเข้าปอดเฮือกใหญ่ ก่อนจะพยักหน้าให้กับการ์ดที่ยืนรอ แล้วพ่อนั่นก้อเดินนำดุ่มๆต่อไป
ไม่ถึง 5 นาที หลังจากเดินตัดผ่านทางเล็กทางน้อยมา ก้อทะลุมายังพื้นที่โล่งกว้างที่เหมือนจะเปนตรงกลางของป่า(??)แห่งนี้ มีเพียงต้นหญ้าเขียวชอุ่มเท่านั้น กลางลานหญ้ามีโต๊ะม้าหิน และบุคคล 2คนเปนหญิงหนึ่งชายหนึ่งนั่งอยู่ เมื่อเดินไปถึงสัญชาตญาณก้อบอกกับเขาว่า 2คนนี้ไม่ธรรมดา
หนุ่มน้อยยกมือไหว้อย่างนอบน้อมและกลายร่างเปนสาวน้อยไปทันที สวัสดีค่ะ
คนทั้งสองยกมือรับไหว้ คนผู้หญิงท่าทางใจดีให้ความรู้สึกอบอุ่น..เหมือนแม่ แต่คนผู้ชายมองหน้าเขาเหมือนจะค้นหาอะไรบางอย่าง หน้าของคนทั้ง 2 ดูคุ้นๆตาอยู่
สวัสดีจ้ะ ทำตัวตามสบายเถอะ ฉันเปนแม่ของไวท์ ชื่อวรัณยา นั่นพ่อเขาชื่ออรัญ กฤตตาวไลยก์ แม่ของไวท์แนะนำตัวเองและสามีของเธอ
เอ๊ะ..พวกคุณ..คือ.. แล้วพริ้นซ์ก้อนึกออก นามสกุลกฤตตาวไลยก์คือตระกูลที่ค้าอาวุธและเทคโนโลยีให้กับรัฐบาลไทยและฝ่ายกลาโหม รวมทั้งเปนกองกำลังอิสระที่ตอนนี้กระจายอยู่แทบทุกภูมิภาคในไทยและทั่วโลกแล้ว และเขาเองก้อเกือบเปนคนทำให้ตระกูลนี้ไร้ซึ่งผู้นำอย่างไม่รู้ตัว เมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
------------------------------------
คราวที่แล้วสั้นไปอ่า..เลยมาลงเพิ่ม
ขอบคุณสำหรับทุกท่านที่เข้ามาอ่านและเม้นให้นะคับ
ทำให้ผมมีกำลังใจขึ้นอีกเยอะเลย..
By : Wolfy   Date : 3 Oct 2006 23:25
|