รักครั้งใหม่ หัวใจคือเธอ (8)
รักครั้งใหม่ หัวใจคือเธอ (8)
รถยุโรปคันหรูของโอปอล์จอดนิ่งสนิทเรียบร้อยในลานจอดรถ โอปอล์หันหน้าไปมองพิมพ์ลักษณ์ที่หลับสนิทไปแล้ว ดวงตาโตที่มักจะแฝงความดุอยู่เสมอถูกปิดลงทำให้ดวงหน้างามนั้นดูหวานยิ่งขึ้น ขนตาสีดำขลับเป็นแพระยับ จมูกโด่งปลายเชิดรั้น รับกับริมฝีปากบางสวยได้รูป
โอปอล์อมยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว เมื่อได้เห็นรอยยิ้มจากใบหน้างามนั้น พลางคิดในใจ ท่าทางจะตกอยู่ในภวังค์ความฝันอันแสนหวานล่ะมั้ง
เฮ้อ ดูสิขนาดนอนยังยิ้มได้ขนาดนี้ นี่ตอนคุณไม่มีฤทธิ์เดชเนี่ย คุณก็น่ารักดีนะคุณพิมพ์ลักษณ์ โอปอล์พูดพลางออกมาจากรถแล้วจึงเดินอ้อมไปเปิดประตู ค่อยๆ ประคองพาพิมพ์ลักษณ์ออกมาจากรถ
นี่คุณ ยืนดีๆ สิ เดี๋ยวก็ล้มไปหรอก โอปอล์วาดแขนโอบกระชับรอบเอวพิมพ์ลักษณ์ พร้อมทั้งจับแขนพิมพ์ลักษณ์ขึ้นมาโอบรอบคอตัวเอง ก่อนจะค่อยๆ พาเดินไปอย่างทุลักทุเล
จาอ๊วก อยากจาอ๊วก พิมพ์ลักษณ์พูดออกมาด้วยเสียงอู้อี้
ว่าไงนะคุณ โอปอล์หยุดเดิน พลางพยุงพิมพ์ลักษณ์ไว้
จาอ๊วก....... อู๊ว...แหวะ พิมพ์ลักษณ์ก้มศีรษะปล่อยสิ่งไม่พึงประสงค์ออกจากปากทันที
ค่อยๆ คุณ โอปอล์ลูบหลังให้กับพิมพ์ลักษณ์ พลางกระชับวงแขนที่โอบรอบเอวพิมพ์ลักษณ์แน่นขึ้น
เฮ้อ หมดหรือยังเนี่ย โอปอล์เอ่ยถามพิมพ์ลักษณ์
พิมพ์ลักษณ์ปรือตาขึ้นมามองโอปอล์ ก่อนส่งยิ้มหวานมาให้
หมด หมดแล้ว จานอน ง่วงนอนแล้วล่ะ อยากนอน พูดจบพิมพ์ลักษณ์ก็ทำท่าจะลงไปนอนกับพื้นทันที
ไม่ได้คุณ นอนตรงนี้ไม่ได้ อีกแป็บเดียวนะ เดี๋ยวก็ได้นอนแล้ว เอ้อ ตอนไม่มีฤทธิ์เดชก็น่ารักดีหรอก แต่ตอนไม่มีสตินี่สิ เฮ้อ มันเวรกรรมอะไรของฉันเนี่ย โอปอล์ถอนหายใจ พร้อมทั้งพยายามประคองพิมพ์ลักษณ์ไม่ให้ล้อมตัวลงนอนกับพื้น
เอ่อ มีอะไรให้ช่วยมั้ยครับ รปภ. ที่เห็นเหตุการณ์รีบเดินเข้ามาถาม
ค่ะ งั้นรบกวนช่วยเปิดประตูให้ทีนะคะ โอปอล์รีบบอกพลางพยุงพิมพ์ลักษณ์ให้พร้อมที่จะเดิน สายตาเหลือบไปเห็นริมฝีปากของพิมพ์ลักษณ์ที่มีคราบจากการอาเจียนเมื่อตะกี้เลอะอยู่ จึงใช้มืออีกข้างล้วงหยิบผ้าเช็ดหน้าในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา ค่อยๆ เช็ดปากให้พิมพ์ลักษณ์ พลางส่ายหัวยิ้มอย่างเอ็นดู
ท่าทางเพื่อนของคุณจะเมาน่าดูเลยนะครับ รปภ. ยิ้มให้กับท่าทางของโอปอล์
ค่ะ โอปอล์ยิ้มรับ แต่แล้วพิมพ์ลักษณ์ก็ทำท่าจะลงไปกองกับพื้นอีกครั้ง
อุ้ย โอปอล์อุทาน พลางโอบกอบพิมพ์ลักษณ์ไว้
เอ่อ ให้ผมช่วยดีมั้ยครับ รปภ. ยิ้มและถามโอปอล์อีกครั้ง
ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวรบกวนคุณ เดินไปส่งที่ห้องละกัน ท่าทางดิฉันคงจะเปิดประตูไม่ได้แน่ๆ พูดจบโอปอล์ก็ช้อนตัวพิมพ์ลักษณ์ขึ้นมาอุ้มไว้ทันที รปภ. ถึงกับอึ้งในท่าทางของโอปอล์ เพราะถึงแม้ว่าโอปอล์จะดูสูงแต่รูปร่างก็ผอมบางซะขนาดนั้น ไม่น่าจะอุ้มพิมพ์ลักษณ์ไหว โอปอล์จึงส่งยิ้มกลับไปให้แทน
เมื่อเดินมาถึงหน้าประตูห้องชุดสุดหรูบนคอนโด โอปอล์จึงจัดการให้รปภ. ไขประตูให้ ก่อนจะเอ่ยขอบคุณ แล้วจึงอุ้มพิมพ์ลักษณ์เข้าไปวางไว้ที่โซฟา ก่อนที่จะจัดแจงปิดประตูห้องให้เรียบร้อย แล้วจึงกลับมาอุ้มพิมพ์ลักษณ์เข้าไปนอนในห้องนอน
เห็นผอมๆ อย่างนี้ก็เถอะ ตัวหนักใช่ย่อยเลยนะคุณพิมพ์ยักษ์ โอปอล์ค่อยๆ วางพิมพ์ลักษณ์ไว้บนเตียง ก่อนจะจัดการเปิดเครื่องปรับอากาศ แล้วจึงเดินมาหยุดมองพิมพ์ลักษณ์ที่ตอนนี้นอนหลับสนิทอยู่บนเตียงนอน พลางสายตาเหลือบไปเห็นเสื้อผ้าของพิมพ์ลักษณ์ที่ยังคงมีคราบเปรอะเปื้อนอยู่
เอ๊ ... จะเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ยัยนี่ดีมั้ยเนี่ย เดี๋ยวตื่นมาก็แปลงร่างเป็นยักษ์มาโวยวายใส่เราอีก โอปอล์คิดในใจ ก่อนที่จะตัดสินใจเดินไปเปิดตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบชุดนอนของตัวเอง แล้วเดินกลับมานั่งข้างๆ พิมพ์ลักษณ์
ขอโทษนะคุณ โอปอล์พูดพลางดึงผ้าห่ม ห่มตัวพิมพ์ลักษณ์จนถึงต้นคอ ก่อนจะค่อยๆสอดแขนเข้าไปในผ้าห่ม แล้วจึงจัดการเปลี่ยนเสื้อผ้าให้กับพิมพ์ลักษณ์
เฮ้อ เสร็จซักที โอปอล์ยกมือขึ้นซับเหงื่อที่ใบหน้าของตัวเอง พลางพยายามทำใจให้สงบ เพราะตอนนี้แก้มทั้งสองเริ่มมีสีแดงระเรื่อ แล้วหัวใจเจ้ากรรมก็ดันเต้นแรงจนจะหลุดออกมาจากอกอยู่แล้ว ก่อนจะค่อยๆ ลุกขึ้นยืน แล้วหยิบเสื้อผ้าของพิมพ์ลักษณ์ไปจัดการทำความสะอาดให้เรียบร้อย
โอปอล์เดินหายออกไปจากห้องนอนซักพัก ก็กลับเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับกะละมังเล็กๆ และผ้าเช็ดตัว
เช็ดเนื้อเช็ดตัวหน่อยนะคุณ ดูท่าทางจะเหนียวตัวน่าดู โอปอล์ใช้ผ้าเช็ดตัวผืนเล็กๆ ชุบน้ำแล้วก็ค่อยๆ เช็ดไปที่ใบหน้างามของพิมพ์ลักษณ์ แต่แล้วจู่ๆ พิมพ์ลักษณ์ก็ยกแขนทั้งสองขึ้นมาโอบรอบคอของโอปอล์ ก่อนจะดึงโอปอล์เข้ามากอด
เอ่อ ... คุณ .... โอปอล์ตะกุกตะกัก ใบหน้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดงอีกครั้งและหัวใจก็เริ่มเต้นโครมครามอย่างควบคุมไม่อยู่
อิง อิงกลับมาหาพิมพ์แล้วใช่มั้ย พิมพ์ลักษณ์พูด พลางหอมแก้มโอปอล์
คุณพิมพ์ลักษณ์ เอ่อ ปล่อยดีมั้ย โอปอล์พยายามบอก แต่กลับไม่มีผลอะไร
พิมพ์คิดถึงอิงนะคะ พิมพ์ลักษณ์พูดจบก็กอดโอปอล์แน่นขึ้นไปอีก
ค่ะ ถ้างั้นตอนนี้พิมพ์นอนก่อนนะคะคนดี โอปอล์กระซิบที่ข้างหูพิมพ์ลักษณ์ พิมพ์ลักษณ์จึงหลับไปอย่างง่ายดาย โอปอล์จึงค่อยๆ แกะแขนพิมพ์ลักษณ์ออก พลางมองไปที่ใบหน้าของพิมพ์ลักษณ์ที่มีรอยยิ้มปรากฏขึ้นมา
โอปอล์ยกมือขึ้นมาจับที่หน้าอกของตัวเอง หัวใจที่เต้นแรงไม่มีทีท่าว่าจะสงบได้เลย โอปอล์จึงลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกจากห้อง แต่ก็ไม่วายหันกลับไปมองที่พิมพ์ลักษณ์อีกครั้ง
ใครกันนะ อิง โอปอล์ขมวดคิ้วก่อนที่จะปิดประตูลง
โอปอล์กลับเข้ามาที่ห้องอีกครั้ง หลังจากที่ไปจัดการอาบน้ำชำระล้างร่างกาย โอปอล์ล้มตัวลงนอนข้างๆ พิมพ์ลักษณ์ แล้วรีบนอนหันหลังทันทีด้วยกลัวว่าเสียงหัวใจตัวดีที่มันกำลังเต้นโครมครามอีกครั้ง จะดังจนทำให้คนที่นอนอยู่ตื่นขึ้นมา
ในขณะที่โอปอล์กำลังเคลิ้มๆ พลันก็ได้ยินเสียงสะอึกสะอื้น โอปอล์ลืมตาขึ้นมองพลางผุดลุกขึ้นนั่ง
ฮือ ฮือ โอปอล์เหลียวไปมองคนข้างๆ พลางเห็นพิมพ์ลักษณ์ที่กำลังนอนหลับอยู่ น้ำตาไหลออกจากปลายตาทั้งสองข้าง
คุณ คุณพิมพ์ เป็นอะไรไปน่ะ โอปอล์แตะแขนพิมพ์ลักษณ์พลางเขย่า
ฮือ ฮือ อิง อิงกลับมาหาพิมพ์ก่อน อย่าเพิ่งไป พิมพ์ลักษณ์ละเมอพร่ำเพ้อไม่หยุด สองมือปัดป่ายไปในอากาศ
คุณพิมพ์ คุณพิมพ์ โอปอล์เรียกพิมพ์ลักษณ์อีกครั้ง แล้วจึ้งเอื้อมมือไปจับมือของพิมพ์ลักษณ์ไว้
อิง พิมพ์ลักษณ์ปรือตาขึ้นมามองโอปอล์ พลางผวาคว้าตัวโอปอล์ไปกอดไว้ โอปอล์กอดตอบพิมพ์ลักษณ์แล้วเอื้อมมือไปลูบหัวพิมพ์ลักษณ์เบาๆ
นอนนะคะคนดี ไม่เป็นไรแล้วนะ โอปอล์ค่อยรั้งตัวพิมพ์ลักษณ์ลงไปนอน พิมพ์ลักษณ์รีบพลิกตัวเข้าหาอ้อมกอดอันอบอุ่นนั้นจนค่อยๆ หลับไปในที่สุด
****************************************************************************************************
พิมพ์ลักษณ์ค่อยๆ ลิมตาขึ้นมาช้าๆ เห็นเพดานสีครีมเป็นภาพแรกของวันนี้ เธอยกมือขึ้นมากุมศีรษะ รู้สึกหัวสมองหนักอึ้ง พลางหลับตาลงอีกครั้ง
ทำไมมันปวดหัวอย่างนี้นะ พิมพ์ลักษณ์บ่นพึมพำกับตัวเอง ภายในหัวสมองตอนนี้กำลังคิดทบทวนเหตุการณ์เมื่อคืน เธอจำได้ว่า ไปทานข้าว จากนั้นก็ไปเที่ยวต่อ เธอดื่มเหล้าซะมากมาย พอหลังจากนั้นเหมือนโลกดับวูบสนิท เธอไม่มีสติหลงเหลือพอที่จะรับรู้อะไรอีกต่อไป
แล้วฉันอยู่ที่ไหนล่ะเนี่ย ทำไมมันไม่คุ้นเลย พิมพ์ลักษณ์ผุดลุกขึ้นนั่งอย่างรวดเร็ว พลางกวาดสายตามองไปรอบๆ ห้องนอนสีครีม ตกแต่งอย่างง่ายๆ เฟอร์นิเจอร์น้อยชิ้น ทุกอย่างดูเข้าชุดกัน เตียงนอนใหญ๋ที่เธอกำลังนั่งอยู่ โต๊ะเครื่องแป้งเล็กๆ ตู้เสื้อผ้า แล้วก็ชั้นวางหนังสือเพียงเท่านั้น
พิมพ์ลักษณ์ค่อยๆ ลุกขึ้นจากเตียง แต่แล้วก็ต้องใจหายวาบเมื่อเห็นเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่ มันไม่ใช่ตัวที่เธอใส่เมื่อวานนี้ เธอรีบเดินออกจากห้องทันที
พิมพ์ลักษณ์ก้าวออกมาจากห้องนอน ก่อนจะมองไปรอบๆ สถานที่ที่เธอกำลังยืนอยู่ในขณะนี้
อาจจะเป็นคอนโดของใครสักคน แล้วใครกันล่ะเนี่ย พิมพ์ลักษณ์คิดในใจ พลันสายตาก็เหลือบไปเห็นร่างสูงที่ดูคุ้นตายืนอยู่นอกระเบียง
พิมพ์ลักษณ์เดินเข้าไปใกล้อีกนิด ภาพท้องฟ้าสีครามตัดกับแม่น้ำเจ้าพระยา ช่างดูสวยงามไม่น้อย เธอเผลออมยิ้ม เมื่อสังเกตเห็นร่างสูงกำลังมีความสุขอย่างเต็มที่ ในขณะสัมผัสกับอากาศอันแสนบริสุทธิ์สดชื่นยามเช้า ที่หาได้น้อยนักในเมืองกรุงเช่นนี้ อิริยาบถที่สบายๆ ของคนตรงหน้า ทำให้พิมพ์ลักษณ์เผลอแอบมองอย่างเพลินๆ บรรยากาศตอนนี้เหมาะกับการ ตื่นเช้ามานั่งดูพระอาทิตย์ขึ้นกับคนรักเหลือเกิน
เอ๊ะ นี่ฉันกำลังคิดอะไรอยู่เนี่ย พิมพ์ลักษณ์ตกใจกับความคิดของตัวเอง พลันแก้มทั้งสองข้างก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อขึ้นมา เป็นช่วงจังหวะที่คนร่างสูงหันหลังกลับมาพอดี
อ้าว อรุณสวัสดิ์คุณ ตื่นนานแล้วเหรอ โอปอล์เอ่ยทักพิมพ์ลักษณ์ พร้อมทั้งส่งยิ้มให้อย่างอารมณ์ดี โอปอล์อึ้งไปเล็กน้อยเมื่อได้เห็นสภาพพิมพ์ลักษณ์ในตอนนี้ ผมเผ้ายุ่งเหยิงเล็กๆ แถมยังอยู่ในชุดนอนตัวหลวงโคร่งของเธอ พลางคิดในใจ ยัยนี่เหมือนเด็กขี้เซาเลย แต่ดูไปก็น่ารักดีเหมือนกันแฮะ
เอ่อ ก็นานพอที่จะเห็นคุณกำลังชื่นชมธรรมชาติยามเช้าอยู่นั่นแหล่ะ พิมพ์ลักษณ์รีบพูดจาประชดประชันกลับไป พร้อมทั้งส่งสายตาดุๆ ให้เมื่อได้เห็นรอยยิ้มล้อๆ จากโอปอล์
แหมคุณ พอลืมตาขึ้นมา ก็มีแรงอ้าปากกัดเราเลยนะ รู้งี้ เมื่อคืนน่าจะปล่อยให้นอนอยู่ที่ร้านท่าจะดี โอปอล์ยั่วพิมพ์ลักษณ์กลับ
แล้วที่นี่ที่ไหน ฉันมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง แล้ว ... แล้ว พิมพ์ลักษณ์ค่อยๆ กลืนน้ำลายลงคอ
แล้วเสื้อผ้าฉันล่ะ ทำไมมันเป็นชุดนี้ พิมพ์ลักษณ์พูดจบ ก็ค่อยๆ ยกมือขึ้นกุมศีรษะที่ตอนนี้กำลังปวดตุ้บๆ
เดี๋ยวคุณ ทีละคำถามก็ได้ ปวดหัวล่ะสิ โอปอล์รีบเดินกลับเข้ามาในห้อง พิมพ์ลักษณ์พยักหน้าแทนคำตอบ
ก็น่าจะปวดอยู่หรอก เมื่อคืนดื่มไปซะขนาดนั้นนี่นา เราว่าคุณไปอาบน้ำก่อนดีกว่า จะได้สดชื่นขึ้น
คุณยังไม่ตอบคำถามฉันเลย พิมพ์ลักษณ์ส่งสายตาดุๆ ไปให้โอปอล์อีกครั้ง
ก็ได้ เราตอบก็ได้ เมื่อคืนคุณน่ะเมามาก น้ำก็เลยให้เราไปส่งคุณ แต่เราไม่รู้ว่าจะไปส่งที่ไหน มือถือน้ำก็แบตหมด เบอร์พี่พายเราก็ไม่มี เราก็เลยพาคุณกลับมาที่คอนโดเรา พอใจรึยังล่ะ
แล้ว ... แล้วอย่าบอกนะ ว่าคุณน่ะ เปลี่ยนเสื้อผ้าให้ฉันด้วย พิมพ์ลักษณ์รีบถาม แก้มทั้งสองเริ่มเปลี่ยนสีอีกครั้ง
เอ่อ ... เอ่อ ก็เรานั่นแหล่ะที่เปลี่ยน เมื่อคืนคุณเมาแล้วก็อ๊วกเลอะเทอะ แต่ไม่ต้องห่วงหรอกนะ เราไม่ได้เห็นอะไร อะไร ของคุณหรอก โอปอล์หัวเราะกลบเกลื่อนความรู้สึกเขินที่กำลังเกิดขึ้น
เอ่อ ที่นี่คอนโดคุณเหรอ น่าอยู่ดีนะ พิมพ์ลักษณ์รีบเปลี่ยนเรื่อง พลางหลบสายตาจากคนตรงหน้า แต่แล้วก็ต้องตกใจกลับความคิดของตัวเองอีกครั้ง ตายแล้ว น่าอยู่นะ พูดไปได้ไงเนี่ยยัยพิมพ์
อืม คอนโดของเราเองแหล่ะ แล้วทำไมรีบตื่นล่ะ เพิ่งจะ 6 โมงเช้าเองนะ
ก็มันปวดหัวนี่นา ทนนอนต่อไม่ไหว
งั้นรีบไปอาบน้ำดีกว่า เดี๋ยวเสร็จแล้วค่อยมาทานอาหารเช้า โอปอล์พูดจบก็เดินหนีไปยังอีกฟากหนึ่งของห้อง ที่กั้นไว้สำหรับเป็นครัวเล็กๆ พิมพ์ลักษณ์มองตามโอปอล์ไป พลางเอ่ยถาม
เดี๋ยวคุณ แล้วเสื้อผ้าฉันอยู่ที่ไหนล่ะ
วางอยู่ตรงเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งในห้องนอนนั่นแหล่ะ เราจัดการให้เรียบร้อยแล้ว ผ้าเช็ดตัวอยู่ในห้องน้ำนะ จะใช้อะไรก็เชิญได้เลย ตามสบาย โอปอล์พูดกับพิมพ์ลักษณ์โดยที่ไม่ได้หันกลับมามอง พลางหยิบนั่นหยิบนี่เตรียมทำอาหาร
พิมพ์ลักษณ์เดินกลับเข้าไปในห้องนอนอีกครั้งเพื่อเตรียมตัวอาบน้ำ เธอเห็นเสื้อผ้าของตัวเองที่ซักรีดเรียบร้อยแล้ว วางพับไว้บนเก้าอี้หน้าโต๊ะเครื่องแป้งตาที่โอปอล์ได้บอกไว้ พลันเธอก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้จึงเดินออกมานอกห้องนอนอีกครั้งหนึ่ง
เอ่อ ... คุณ พิมพ์ลักษณ์เอ่ยเรียกโอปอล์เบาๆ โอปอล์จึงหันหน้ากลับมามอง
ฉันอยากได้แปรงสีฟันน่ะ พิมพ์ลักษณ์พูดกับโอปอล์เสียงอ่อย
อุ้ย ... ขอโทษที เราลืมไป เดี๋ยวเราหยิบให้ โอปอล์รีบวางมือจากการทำอาหาร แล้วรีบเดินเข้าไปในห้องนอนทันที
โอปอล์ดึงลิ้นชักโต๊ะเครื่องแป้งออกมา พลางหยิบแปรงสีฟันอันใหม่ออกมาถือไว้เตรียมที่จะให้พิมพ์ลักษณ์
โอปอล์หันหลังกลับเตรียมที่จะเดินออกจากห้อง เป็นจังหวะเดียวกับที่พิมพ์ลักษณ์มาหยุดอยู่ตรงหน้าโอปอล์ทันที พิมพ์ลักษณ์และโอปอล์ที่ไม่ทันตั้งตัวทั้งคู่ จึงปะทะกันเข้าอย่างจัง เป็นผลให้พิมพ์ลักษณ์เกือบจะล้มไปกองกับพื้น ดีทว่าโอปอล์รับอ้าแขนรับไว้ได้ทัน พิมพ์ลักษณ์จึงตกไปอยู่ในอ้อมกอดของโอปอล์ไปโดยปริยาย ต่างฝ่ายต่างจ้องมองตากันไม่กระพริบ เหมือนคนทั้งคู่กำลังตกอยู่ในภวังค์ ไม่มีคำพูดใดเล็ดลอดออกมาจากปาก มีเพียงเสียงหัวใจที่เต้นดังราวกับรัวกลอง
เอ่อคุณ ... ไปอาบน้ำเถอะ เดี๋ยวเราต้องออกไปธุระอีก โอปอล์เป็นฝ่ายชิงพูดขึ้นมาก่อน
พิมพ์ลักษณ์ค่อยๆ ลุกขึ้นยืน พลางเหลียวมองไปที่เอวของตัวเอง ซึ่งโอปอล์ยังคงโอบรอบเอวอยู่ ใบหน้าพิมพ์ลักษณ์เปลี่ยนเป็นสีแดงขึ้นมาอีกครั้ง โอปอล์เมื่อสังเกตเห็นท่าทีของอีกฝ่าย จึงรู้สึกตัวค่อยเอาแขนออกจากเอวของหญิงสาวตรงหน้า
เอ่อ ... ขอโทษที นี่แปรงสีฟัน โอปอล์ยื่นแปรงสีฟันให้พิมพ์ลักษณ์ แล้วจึงรีบเดินออกมาจากห้องทันที
เมื่อประตูปิดลง โอปอล์ยกมือขึ้นมาจับที่หัวใจของตัวเอง พลันรู้สึกว่าใบหน้าร้อนผะผ่าว โอปอล์สะบัดศีรษะ ไล่ความสับสนที่กำลังก่อตัวเป็นพายุเฮอริเคนลูกใหญ่ภายในจิตใจของตัวเอง
ส่วนพิมพ์ลักษณ์นั้น เมื่อโอปอล์ออกจากห้องไปแล้ว ก็รีบเดินเข้าห้องน้ำ ระงับอารมณ์ที่กำลังกระจัดกระจายอยู่ให้เข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว เธอรู้สึกว่าอ้อมกอดที่แม้จะสัมผัสโดยไม่ได้ตั้งใจเมื่อกี้ มันช่างกวนอารมณ์เธอเหลือเกิน เธอรู้สึกถึงความอบอุ่นที่มันคุ้นแสนคุ้น เหมือนเธอเคยได้สัมผัสมันมาก่อน แต่เมื่อไหร่กันนะ พิมพ์ลักษณ์เริ่มสับสนกับความรู้สึกของตัวเอง พลันรอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้า เมื่อเธอนึกไปถึงอีกคนที่อยู่ข้างนอกห้อง สิ่งที่เธอสัมผัสได้ตอนนี้ก็คือความใจดีและอ่อนโยนของโอปอล์
****************************************************************************************************
เมื่อพิมพ์ลักษณ์จัดการอาบน้ำแต่งตัวเสร็จเรียบร้อยแล้ว จึงเดินออกมาจากห้อง เธอเดินไปถึงโต๊ะอาหารเล็กที่ตั้งอยู่หลังโซฟา บนโต๊ะนั้นมีเพียงข้าวต้มร้อนๆ 1 ชาม ที่ส่งกลิ่นหอมยั่วยวนน้ำย่อยในกระเพาะอาหาร แล้วก้มีแก้วกาแฟวางอีกหนึ่งแก้ว เอ๊ะ แล้วโอปอล์หายตัวไปไหนล่ะ พิมพ์ลักษณ์คิดในใจ ค่อยๆ นั่งลงที่เก้าอี้ พลางมองไปรอบๆ ห้อง
นี่คุณ สำรวจตรวจตราอะไรห้องเราอยู่เหรอ โอปอล์เดินมาหยุดอยู่ข้างๆ พิมพ์ลักษณ์
เปล๊า แล้วนี่คุณมาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่ให้ซุ่มให้เสียง แล้วเมื่อกี้หายไปไหนมาล่ะ
ก็ไปอาบน้ำบ้างน่ะสิ ไม่ต้องทำหน้างงขนาดนั้นหรอก ก็มันมีห้องน้ำอีกห้อง ตรงนั้นไง โอปอลืชี้มือไปยังฝั่งตรงข้ามที่มีประตูอยู่
อ้าว เดินออกมาจากตรงนั้น แล้วทำไมฉันไม่เห็นคุณล่ะ พิมพ์ลักษณ์ขมวดคิ้ว
แหม ช่างเป็นมนุษย์ขี้สงสัยจริงๆ นะคุณเนี่ย ก็คุณมัวแต่เพลิดเพลินเจริญใจกับการสำรวจคอนโดเราอยู่ จะไปรู้ได้ยังไงว่าเราเดินออกมาแล้ว แล้วเมื่อกี้น่ะ เราเดินออกมาจากในห้องนู๊น โอปอล์ชี้มือไปที่ประตูห้องนอน ก่อนที่จะนั่งลงข้างพิมพ์ลักษณ์ พิมพ์ลักษณ์ได้แต่ทำหน้าเหวอ
อ้าว คุณเข้าไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ก็เมื่อกี้ฉันแต่งตัวอยู่ ทำไมถึงไม่เห็นคุณล่ะ
ก็คุณเดินออกจากห้องน้ำก็จ้ำพรวดๆ มาที่โต๊ะอาหาร แล้วอีกอย่างเมื่อกี้ประตูตู้เสื้อผ้ามันบังอยู่น่ะ
อ๋อ พิมพ์ลักษณ์พยักหน้าเข้าใจ
หมดข้อสงสัยแล้วใช่มั้ย ถ้างั้นก็ทานข้าวเถอะ เดี๋ยวจะเย็นซะก่อน
แล้วคุณไม่ทานเหรอ พิมพ์ลักษณ์ที่กำลังตักข้าวต้มเข้าปาก เอ่ยถามเมื่อเห็นโอปอล์ดื่มแค่กาแฟ
ไม่อ่ะ เรายังไม่ค่อยหิว
อุ๊ย .. ร้อนจังเลย พิมพ์ลักษณ์รีบโบกมือไล่ความร้อนจากข้าวต้ม
ค่อยๆ สิคุณ ดูดิเลอะหมดแล้ว โอปอล์เอื้อมมือไปหยิบทิชชู่มาส่งให้พิมพ์ลักษณ์ พลางส่ายหัว และยิ้มอย่างอารมณ์ดี เมื่อมองเห็นท่าทางของพิมพ์ลักษณ์ที่เหมือนเด็กซนๆ คนหนึ่ง
ยิ้มอะไรน่ะคุณ พิมพ์ลักษณ์ส่งสายตาดุๆ กลับไปให้โอปอล์แทน
ก็คุณน่ะสิเหมือนเด็กเลย เวลาคุณไม่ตีหน้าดุเป็นยักษ์นี่ก็ดูน่ารักดีนะ ดูอย่างเมื่อคืนที่คุณเมาสิร้อ.. โอปอล์หยุดพูดทันทีเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อคืน
เมื่อคืนฉันเป็นยังไง พูดต่อสิ
ก็ ... ก็เมื่อคืนน่ะคุณเรียบร้อยออก จนเรายังแปลกใจเลย ว่านี่ใช่คุณพิมพ์ยักษ์ตัวจริงหรือเปล่า หรือว่าเป็นนางผีเสื้อสมุทรที่กลายร่างมาเป็นยักษ์แปลงกันแน่ โอปอล์พูดจบก็หัวเราะ พิมพ์ลักษณ์ถึงกับสำลักข้าวต้ม
แค่ก แค่ก นี่คุณฉันไม่ใช่ยักษ์ใช่มารนะ พิมพ์ลักษณ์ยังคงต่อล้อต่อเถียงกับโอปอล์
ใจเย็นๆ คุณ ค่อยๆ ก็ได้ ดูซิเลอะเทอะอีกแล้ว โอปอล์รีบหยิบทิชชู่ส่งไปให้พิมพ์ลักษณ์เช็ดปาก
ก็มันจริงนี่นา แต่จะว่าไปแล้วพระอภัยมณีก็รักนางยักษ์แปลงนะ ไม่งั้นจะมีสินสมุทรเหรอ พูดจบแล้วพิมพ์ลักษณ์ก็จ้องเข้าไปในดวงตาของโอปอล์ พลางส่งยิ้มให้ แล้วก็หยิบทิชชู่ที่โอปอล์ยื่นให้เมื่อกี้เช็ดปาก
ไม่ใช่คุณ ข้างนี้ โอปอล์เอามือชี้ที่ใบหน้าของตัวเองเพื่อบอกพิมพ์ลักษณ์ แต่พิมพ์ลักษณ์ก็ยังเช็ดไม่ถูกอยู่ดี โอปอล์จึงเอื้อมมือไปจับมือพิมพ์ลักษณ์มาเช็ดให้ถูกที่
พิมพ์ลักษณ์รู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนของคนๆ นี้ มือนุ่มที่จับมือของเธอไว้มันช่างอบอุ่นจนเธออยากอยู่อย่างนี้ไปนานๆ ส่วนโอปอล์ราวกับว่าต้องมนต์สะกดของนางยักษ์แปลงคนนี้ถึงกับจ้องมองอย่างไม่วางตา
เอ่อ .. น่าจะหมดแล้วมั้งคุณ พิมพ์ลักษณ์พูดจบก็ก้มลงมองชามข้าวต้มแทน ใบหน้าเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่ออีกครั้ง ส่วนโอปอล์ก็หยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มเพื่อแก้อาการเขินของตน
แล้วทำไมคุณไม่ทานข้าวเช้าล่ะ ไม่หิวก็ต้องทานรองท้องนะ รู้มั้ยว่าอาหารเช้าน่ะเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด พิมพ์ลักษณ์รีบเปลี่ยนเรื่อง แต่ยังไม่มองหน้าโอปอล์
ก็นี่ไงคุณ เราดื่มกาแฟแล้ว โอปอล์บอกอย่างร่าเริง พิมพ์ลักษณ์จึงเงยหน้าขึ้นมามอง
กาแฟแก้วเดียวมันจะได้สารอาหารอะไร ได้แต่คาเฟอีนน่ะสิ กาแฟน่ะดีต่อร่างกาย ถ้าเราดื่มในปริมาณที่พอเหมาะ แต่มันก็ไม่สามารถทดแทนอาหารเช้าได้หรอก
โอ้โหคุณ ถ้าเราไม่รู้มาก่อนนะว่าคุณจบสถาปัตย์ เราต้องคิดว่าคุณเป็นนักโภชนาการแน่ๆ เลย โอปอล์หยอกเย้าพิมพ์ลักษณ์ พิมพ์ลักษณ์ถึงกับถลึงตาใส่
ทราบแล้วค่ะ แซวเล่นน่ะ รีบทานเข้าเถอะ เดี๋ยวเราจะไปส่งคุณที่ร้านดอกไม้แล้วกัน
ทั้งสองคนลงลิฟต์มายังชั้นล่างสุด พิมพ์ลักษณ์เดินตามโอปอล์ออกมาจากลิฟต์ สายตามองนั่นมองนี่รอบตัว ราวกับว่ากำลังจดจำที่แห่งนี้อยู่
อ้าวคุณ อรุณสวัสดิ์ครับ ตื่นเช้าจังเลยนะครับ รปภ.เอ่ยทักโอปอล์ พลางส่งยิ้มให้กับพิมพ์ลักษณ์ที่เดินตามโอปอล์ออกมา
ค่ะ เช้านี้อากาศดีน่ะค่ะ เลยไม่อยากนอนนาน โอปอล์เอ่ยตอบกลับอย่างอารมณ์ดี
แล้วเพื่อนคุณน่าจะดีขึ้นแล้วนะครับ แต่ว่าก็ว่าเถอะ เห็นคุณผอมๆ อย่างนี้ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะอุ้มเพื่อนคุณไหว ผมยังอดอึ้งไม่ได้เลย โอปอล์อมยิ้มแทนคำตอบ พลางหันไปมองพิมพ์ลักษณ์
ส่วนพิมพ์ลักษณ์ตอนนี้กำลังออกอาการเหวอกับสิ่งที่เพิ่งได้ยิน พร้อมกับแสดงสีหน้าที่สงสัยอย่างเต็มที่ นี่ ยัยนี่อุ้มเราเหรอ
ถ้างั้น ขอตัวก่อนนะคะ โอปอล์รีบบอกรปภ. เมื่อเห็นท่าทางงงๆ ของพิมพ์ลักษณ์ พลางลากข้อมือพิมพ์ลักษณ์ให้เดินตามมาที่รถ
เมื่อทั้งคู่เข้าไปนั่งในรถเรียบร้อยแล้ว โอปอล์หันไปมองพิมพ์ลักษณ์ที่นั่งเงียบๆ อยู่ พลางเอี้ยวตัวไปดึงเข็มขัดนิรภัยมาคาดให้พิมพ์ลักษณ์ ก่อนจะกลับไปนั่งในท่าที่เตรียมพร้อมจะขับรถ กลิ่นน้ำหอมจางๆ ลอยมาแตะจมูก พิมพ์ลักษณ์ถึงกับออกอาการหน้าแดงอีกครั้ง
นี่คุณ เหม่ออะไรน่ะ โอปอล์เอ่ยถามพิมพ์ลักษณ์
เปล่า ฉันแค่กำลังสงสัย เรื่องที่รปภ. คนเมื่อกี้พูดน่ะ
อืม สงสัยอะไรล่ะ โอปอล์ถามพิมพ์ลักษณ์อีกครั้ง พร้อมทั้งขับรถออกจากคอนโด
ก็ ... ก็ เมื่อคืนนี้น่ะ อย่าบอกนะว่า คุณอุ้มฉันขึ้นไปข้างบน พิมพ์ลักษณ์แทบลืมหายใจเมื่อพูดจบประโยค
อืม เราอุ้มคุณเองแหล่ะ ก็คุณทำท่าจะนอนลงไปกับพื้นน่ะสิ ทรงตัวไม่อยู่แล้ว
โอปอล์เหลือบมองพิมพ์ลักษณ์ที่เงียบไป จึงตัดสินใจไม่พูดอะไรต่อ เพราะท่าทางพิมพ์ลักษณ์ในตอนนี้เหมือนอย่ากคิดอะไรคนเดียวมากกว่า
ความรู้สึกอบอุ่นแผ่มาครอบคลุมใจของพิมพ์ลักษณ์อีกครั้ง นานแล้วที่ไม่มีใครมาดูแลเธออย่างนี้ เธอรู้สึกถึงความสับสนในใจของตัวเอง จิตใจเธอที่มันด้านชามานาน ตอนนี้มันกำลังหวั่นไหว หวั่นไหวให้กับความอ่อนโยนและใจดีของหญิงสาวร่างสูงคนนี้
เมื่อรถยนต์คันหรูของโอปอล์จอดบริเวณหน้าร้านดอกไม้ของพิมพ์ลักษณ์ พิมพ์ลักษณ์เปิดประตูลงจากรถไป แต่แล้วก็ยังไม่เดินเข้าไปในร้าน โอปอล์ที่กำลังจะขับรถออกไป จึงลดกระจกลง
มีอะไรหรือเปล่าคุณ โอปอล์เอ่ยถาม
ขอบคุณนะ พิมพ์ลักษณ์ตอบ พร้อมกับส่งรอยยิ้มมาให้
ยินดีเสมอค่ะ ... แม่สาวขี้เมา โอปอล์พูดจบก็ขับรถออกมาทันที แต่ก็ยังไม่วายมองกระจกหลัง พร้อมทั้งมีรอยยิ้มจางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า
คนบ้า ชอบกวนประสาทอยู่เรื่อยเชียว ถึงแม้พิมพ์ลักษณ์จะบ่น แต่รอยยิ้มก็ยังไม่เลือนหายไปจากใบหน้าเช่นกัน
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
By : viswee   Date : 26 Sep 2006 03:01
|