TG Story: SEX ความผูกพัน คำสัญญา ..19..
ครื้นนน... ครื้นนน...
เสียงฟ้าร้องคำราม อย่างไม่ขาดสาย สายฟ้าแลบแปลบปลาบราวกับแสงแฟลช และไม่นานสายฝนก็เริ่มโปรยปรายลงมาจากฟากฟ้าที่มืดทมิฬ
จ๋อม.. จ๋อม..
เสียงฝีเท้าที่ย่ำผ่านแอ่งน้ำที่ขังเพราะฝนตก จากที่ก้าวอย่างเชื่องช้า ต่อเนื่อง ก็เริ่มที่จะเร่งจังหวะเร็วขึ้น เพื่อให้ตามทัน คน ข้างหน้า
รอด้วยดิวะ น้ำเสียงที่เอื้อนเอ่ยออกมานั้นแฝงอารมณ์หงุดหงิด
อย่าชักช้าสิ เดี๋ยวก็ซวยหรอก เสียงที่ตอบรับกลับมาก็กึ่งรำคาญ
ทั้งสองมีความรู้สึกว่ากำลังมีอะไรบางอย่างกำลังสะกดรอยตามเขา มันใกล้เข้ามา ... ใกล้เข้ามาทุกที...
เร็วหน่อยดิวะไอ้เปี๊ยก เข้าไปหลบตรงซอกตึกนั้นก่อน เขาบอกด้วยน้ำเสียงร้อนรน
ใครตามเรามาอ่ะปาย ผมถามออกไปด้วยอาการตื่นเต้น ตอนนี้หัวใจผมเต้นระรัว เม็ดเหงื่อซึมชื้นผุดพลายบนใบหน้าและจ้องมองผ่านออกไปจากมุมตึก
ไม่รู้ แต่นายก็ต้องระวังตัวเอาไว้ก่อน แล้วตอนนี้นายมีอาวุธอะไรติดตัวอยู่บ้าง ปายถามพร้อมกับจ้องมองไปที่ตำแหน่งเดียวกับผม
ตอนนี้ฉันมีมีดพกอย่างเดียว ผมตอบออกไปพร้อมกับเตรียมอาวุธมาไว้ที่มือ
โอเค งั้นก็ระวังตัวให้ดีล่ะ เพราะไม่รู้ว่ามันจะโผล่ออกมาเมื่อไหร่ ปายหันมาบอกกับผมด้วยสีหน้าจริงจัง
ตึกตัก... ตึกตัก
เสียงหัวใจของผมเต้นดังกึกก้องอยู่ภายใน ผมพยายามสูดลมหายใจลึกๆเพื่อทำสมาธิ
แคร้ง !!
เสียงเตะกระป๋องดังขึ้นจากทางด้านหลัง และผมไม่คิดจะรีรออีกแล้ว ผมหลับตาด้วยความกลัว พลิกตัวหันกลับไปแล้วใช้มีดพกนั้นแทงเข้าไปจนมิดด้าม
ตุบ !
เสียงล้มตึงของร่างตรงหน้า ทุกอย่างเงียบสนิท ผมเอามือปิดตา ก่อนจะค่อยๆเลื่อนลงมาทีละนิด จนตอนนี้ผมมองภาพตรงหน้าได้อย่างชัดเจน ร่างที่นอนสงบแน่นิ่งจมกองเลือดนั้น สวมเครื่องแบบของผู้พิทักษ์สันติราษฎร์
ไอ้บ้าเฟรม !! แกไปแทงตำรวจทำไมวะ !!! ปายหันมาตวาดใส่ผมเสียงดัง
มะ..ไม่รู้ ผมหันไปตอบปายเสียงสั่น
หวออออออ... หวออออออ...
เสียงไซเรนตำรวจเปิดดังไล่ขึ้นมาแล้ว แสงไฟสีแดงวิบวับจากรถเจ้าหน้าที่ตำรวจก็จอดลงที่ถนนทางเข้าที่เกิดเหตุ เสียงฝีเท้าดังกึกก้องไปทั่วซอกตึก พร้อมเสียงคำสั่งให้หยุดนิ่งและมอบตัว !
ทำไงดีปาย ตำรวจมาแล้ว !! ผมหันไปขอความเห็นจากคนข้างๆ
หนีสิวะ จะอยู่ให้พ่อมึงมาจับหรอ ไปเร็ว !!! ปายพูดจบแล้ววิ่งนำหน้าออกไป
รอด้วยสิ !! ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงร้อนรน
แยกกันไปคนละทาง นายไปทางนั้น เดี๋ยวฉันไปทางนี้เอง ระวังตัวด้วยนะ
สิ้นเสียงคำสั่งนั้น ปายก็แยกไปอีกทางหนึ่ง และผมก็วิ่งลัดเลาะไปยังซอกตึกอีกฝั่งหนึ่ง แสงจากฟ้าแล่บสาดส่องให้เห็นทางเป็นช่วงๆ
หวออออออ... หวออออออ...
ซวยล่ะ วิ่งออกมาทางถนนใหญ่ได้ไงวะเนี่ย .. ผมคิดอยู่ในใจก่อนจะวิ่งย้อนกลับไปยังเส้นทางเดิม
ตึกๆๆๆ...
เสียงฝีเท้ากำลังวิ่งตามกันใกล้เข้ามา ผมวิ่งลัดหลบเข้าซอกตึกหนึ่งก่อนจะเจอบุคคลที่ผมคุ้นเคย
ปาย ทำไมนายมาหลบอยู่ตรงนี้ล่ะ หนีเร็ว !! ผมบอกปายเสียงสั่น
ไอ้เวรเอ๊ย !! แกมาหลบทางนี้ทำไม แล้วแกพาตำรวจมาทางนี้ทำไม บอกให้ไปอีกทางทำไมไม่ไปวะ อย่างงี้ก็ซวยกันหมด ปายบ่นอย่างหัวเสีย
แล้วแกจะให้ฉันทำไงเล่า ก็ตำรวจมันวิ่งไล่มา แกนั่นแหละมานั่งหลบทำแป๊ะอะไรตรงนี้ล่ะ ผมก็เริ่มที่จะหงุดหงิดแล้วนะ
หุบปากแล้ววิ่งได้แล้ว ไปเร็ว !! ปายพูดจบก็ออกวิ่งนำหน้าผมไป
ผมและปายวิ่งหนีกันอย่างสุดชีวิต เจ้าหน้าที่ตำรวจก็กำลังไล่ตามมาอย่างสุดกำลังเช่นกัน
ปัง !!!
เสียงปืนดังขึ้น ร่างที่วิ่งมาข้างๆผมล้มลงช้าๆ
เฮ้ย .. ปาย !! ผมร้องออกมาด้วยความตกใจ
หนีไปเฟรม หนีไป !! ปายตะโกนบอกด้วยน้ำเสียงจริงจัง
แต่ .. ผมยังคงอึกอัก คิดอะไรไม่ออก
แต่อะไรอีก !! ปายถามผมด้วยหน้าตาซีเรียส
แต่ฉันไม่รู้ว่าจะไปทางไหนอ่ะ ผมหันไปบอกปายด้วยน้ำเสียงลังเล
ฟายเอ๊ย !!! ปายสบถออกมาอย่างหัวเสีย
ปัง !!!
GAME OVER !!!
หมด หมด หมดกัน !!! ฉันบอกให้นายหนี ทำไมไม่หนีวะ ไอ้เปี๊ยก ปายหันมาใส่อารมณ์กับผม
ก็ไม่รู้ว่าจะหนีไปทางไหนอ่ะ ผมหันไปตอบปายด้วยสีหน้าเซ็งๆ
อ่อ ก็เลยยืนเป็นเป้านิ่งให้ตำรวจมันยิงซะเลย ปายพูดด้วยน้ำเสียงประชดประชัน
อย่ามาประชดฉัน แล้วนายล่ะ เก่งมากนักสิ ขนาดวิ่งยังให้ตำรวจยิงโดนอีก ผมหันไปต่อว่าปายด้วยความไม่พอใจ
อ้าว ก็ไม่เพราะตัวถ่วงอย่างแกหรอ ฉันถึงหนีไม่รอดอ่ะ ห๊ะ !!! ปายเริ่มขึ้นเสียงใส่ผม
พอเหอะ มันก็แค่เกมส์ คิดอะไรมากมาย ฉันจะทำงานละ ผมพูดจบก็พับโน๊ตบุ๊คแล้วเดินเข้ามาห้องตัวเอง แต่ก็ยังไม่วาย มีเสียงตะโกนไล่หลังผมมาอีก
แพ้แล้วอย่าหนีดิวะ !!
โอ๊ย !!! ให้ตายเถอะ หงุดหงิดชมัด คืนแรกสำหรับการมาอยู่ร่วมกันมันก็น่าจะเป็นอะไรที่ดีกว่านี้ไม่ใช่หรอวะ แล้วนี่มันอะไรกัน
เฮ้อ... ผมถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย ก่อนจะหยิบซองจดหมายที่เพิ่งรับมาจากแม่บ้านตอนกลับขึ้นห้อง
จดหมายซองนี้เป็นของพ่อ แต่ทำไมส่งมาที่นี่นะ ? ผมมองดูจดหมายด้วยความสงสัย ก่อนจะเอามันใส่ลิ้นชักอย่างไม่ใส่ใจ
...ปิ๊บๆ...ปิ๊บๆ...
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้นทำลายความเงียบภายในห้อง ผมหยิบมันขึ้นมาดูว่าใครเป็นคนโทรเข้ามา รอยยิ้มของผมก็ปรากฏบนใบหน้า ก่อนจะกดรับสายอย่างอารมณ์ดี
ว่าไงจูน คิดว่าจะไม่โทรมาหาซะแล้ว
โทรสิ แต่ช่วงนี้เรายุ่งๆก็เลยไม่ค่อยได้ติดต่อเฟรมเลย ขอโทษทีนะ จูนพูดเสียงเรียบ
ไม่เป็นไร เราไม่ได้ว่าอะไรจูนซะหน่อย ผมตอบจูนไป ยิ้มไปอย่างคนมีความสุข
เราก็กลัวว่าเฟรมจะคิดมาก... น้ำเสียงขอจูนพูดทิ้งช่วง เหมือนมีเรื่องอะไรไม่สบายใจ
จูน... มีเรื่องอะไรอยากบอกเราหรือเปล่า ?
ผมถามจูนออกไปแบบนั้น ทำไมนะ ? จู่ๆผมก็คิดมากขึ้นมาจริงๆอย่างที่จูนพูดนั่นแหละ คิดเรื่องที่จูนไปส่งผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนนั้นที่ชื่อ น้ำ
ปายบอกอะไรเฟรมหรอ ? คำตอบที่ผมควรจะได้รับ กลับกลายเป็นคำถามย้อนกลับมาถามผมซะเอง
เปล่าหรอกจูน ปายไม่ได้บอกอะไร เพียงแต่เราเห็นกับตา ก็เท่านั้นเอง ผมพูดออกไป น้ำเสียงเริ่มสั่นเมื่อนึกถึงภาพที่จูนไปส่งผู้หญิงคนนั้น
เฟรมอย่าคิดมาก ผู้หญิงคนนั้นกับเรา ความสัมพันธ์นั้นมันจบลงไปแล้ว ตอนนี้เราเป็นแค่พี่น้องกัน จูนอธิบายด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูอบอุ่น
ทำไมจูนถึงรู้ ว่าเราหมายถึงใคร ผมถามจูนด้วยความรู้สึกแปลกๆ
เรารู้น่ะเฟรม เราเห็นเฟรมสงสัยตั้งแต่รูปที่หัวเตียงวันนั้น รู้ว่าเฟรมสงสัยในคำพูดของปายที่พูดถึงใครคนหนึ่งเหมือนสนิทกัน เราเองก็ไม่อยากให้เฟรมคิดมากหรอกนะ แต่คิดว่าวันหนึ่งเราจะบอกกับเฟรมเอง น้ำ ที่ปายพูดถึง ก็เป็นคนเดียวกับที่เฟรมบอกว่าเฟรมเห็นนั่นแหละ จูนอธิบายในสิ่งที่ผมค้างคาใจ
แล้วทำไมถึงเลิกกันล่ะ เราว่าน้ำก็ดูดีไม่ใช่หรอ ผมพูดออกไปด้วยน้ำเสียงระคนน้อยใจ
ที่เราเลิกกัน เพราะที่บ้านน้ำ เขารับที่เราเป็นแบบนี้ไม่ได้... จูนพูดเสียงเศร้า
ถ้าอย่างนั้น ... จูนก็ยังรักน้ำอยู่สินะ ผมพูดเสียงสั่น มันเหมือนมีก้อนอะไรแข็งๆมาจุกอยู่ที่ลำคอ ขอบตาร้อนผ่าว
แต่เรื่องระหว่างเรากับน้ำมันจบไปแล้วนะเฟรม... จูนเองก็พูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
แต่ในหัวของผมตอนนี้ เหมือนว่ามันไม่อยากจะรับรู้อะไรอีกแล้ว การที่จูนบอกว่า เรื่องระหว่างจูนกับน้ำมันจบไปแล้ว แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่า จูนจะเลิกรักน้ำ ที่เลิกกันมันเป็นเพราะว่าที่บ้านของน้ำไม่ยอมรับจูนก็เท่านั้นเอง แต่ถ้าทั้งสองคนนั้นยังรักกัน แล้วผมล่ะ ?
ผมกดวางสายจูนไป และกดปิดเครื่อง ผมไม่อยากให้จูนโทรมาอีกในตอนนี้ ผมไม่อยากฟังจูนอธิบายอะไรเพิ่มเติมไปกว่านี้อีกแล้ว วันนี้ผมรู้สึกแย่กับสิ่งที่ผมเห็นและสิ่งที่ผมได้ยินมาพอแล้ว ผมต้องการแค่ใครสักคนที่จะปลอบผม ดิว... เมื่อไหร่แกจะกลับมาวะ ฉันกำลังเสียใจอยู่นะเว้ย เพื่อนแกกำลังเสียใจอยู่ แกไปมุดหัวอยู่ที่ไหน
ผมทิ้งตัวนั่งลงบนที่นอน กอดเข่า และร้องไห้ ผมมันง่ายอย่างที่จิ้งว่าใช่มั้ย ? ผมเพิ่งรู้จักจูนได้ไม่นาน แต่ทำไมผมกลับรู้สึกอะไรมากมายกับจูนได้ขนาดนี้ ผมได้แต่คิดวนไปวนมา
เฮ้ย ไอ้เปี๊ยก คำตอบข้อนี้มันหายังไงวะ ?
จู่ๆปายก็เปิดประตูห้องผมเข้ามา และผมยังไม่ทันได้ตั้งตัว ก็หันไปมองด้วยความตกใจ ก่อนจะหันกลับมาเช็ดคราบน้ำตาออก ผมจะขี้แยให้คนอื่นเห็นไม่ได้ โดยเฉพาะไอ้ปากหมาคนนี้
เฮ้... นายร้องไห้ ปายเอาสมุดมาวางบนโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้ามานั่งบนเตียงข้างๆผม
เปล่า .. ฉันไม่ได้เป็นอะไร ผมพยายามพูดให้น้ำเสียงเป็นปกติ
ไม่เอาน่า ฉันขอโทษแล้วกันนะที่ว่านายขี้แพ้ตอนเล่นเกมส์ แต่นายไม่น่าเอามาคิดมากขนาดนี้นี่นา ปายพยายามมองหน้าผม และผมก็หันหน้าหนี
ฉันไม่ได้เป็นอะไร และฉันก็ไม่ได้ร้องไห้เพราะเกมส์ไร้สาระนั่นหรอกน่า ผมพูดจบก็เตรียมจะลุกขึ้นไปล้างหน้า
เพราะจูนใช่มั้ย ?
ผมถึงกับหยุดชะงักทันที คำถามนั้นเหมือนกับปายเข้ามานั่งอยู่ในใจของผม ใช่...ผมกำลังคิดเรื่องจูน แต่ผมแสดงท่าทีจนปายมองออกขนาดนั้นเชียวหรอ ?
............ ผมไม่รู้จะตอบอะไร เพียงประโยคเดียวที่ออกจากปากของปาย ก็ทำให้น้ำตาผมเอ่อล้นขึ้นมาอีกจนได้
แทงใจดำล่ะสิ ปายพูดด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน
ใช่ !! มันแทงใจดำ ปายพูดถูก และตอนนี้ผมกลับรู้สึกแย่กว่าที่เป็นอยู่ ทำไมนายคนนี้ถึงขยันหาเรื่องเสียใจมาให้ผมปวดกบาลทุกที คำพูดที่จะปลอบใจคนน่ะ พูดเป็นบ้างหรือเปล่า !!!
ผมได้แต่ยืนนิ่ง พยายามข่มอารมณ์ แต่ตอนนี้ผมเองก็ไม่รู้ว่าผมกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน มันสับสนไปหมด และผมก็ได้แต่ยืนปล่อยให้น้ำตามันไหลอาบแก้มอยู่อย่างนั้น
หมับ !!!
ปายดึงผมเข้าไปซบที่อกของเขา ปายกอดผมแน่นและตบไหล่ผมเบาๆ
อย่าร้องไห้ ฉันไม่ชอบเห็นใครร้องไห้ต่อหน้าฉัน เพราะฉันจะทำอะไรไม่ถูก และมันทำให้ฉันรู้สึกหงุดหงิด คำพูดของปายนั้นพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกถึงความรำคาญ แต่อ้อมกอดนั้นผมสามารถรับรู้ได้ถึงความเป็นห่วง และน้ำตาของผมมันก็ค่อยๆหายไป
เอ่อ.. ปล่อยฉันได้แล้ว ฉันหายใจไม่ออก ผมตอบปายเสียงอ่อย ตอนนี้ผมรู้สึกโอเคขึ้นมากแล้ว
หยุดร้องยัง ? ปายถามเสียงแข็ง
ฉันโอเคแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว ผมผลักปายออกเบาๆ และปายก็ก้มลงมองหน้าผม
ก็ดีละ การบ้านข้อนั้นฝากทำให้ด้วย แล้วก็... ปายแกะกระดุมเสื้อนักศึกษาและถอดมันออกก่อนจะโยนใส่หัวผม
เสื้อตัวนี้นายก็ซักให้ฉันด้วยนะ เลอะขี้มูกนายทั้งนั้น ฉันไปล่ะ ปายพูดจบก็เดินออกจากห้องผมไป
ให้ตายเถอะ ไอ้หมอนี่ !! จะพูดจากดีๆสักนิดไม่เป็นหรือไงนะ ผมมองปายที่เดินออกไปด้วยอารมณ์ที่หลากหลาย ทั้งความรู้สึกรำคาญที่หาเรื่องปวดกบาลมาให้ ทั้งอยากจะด่าสำหรับถ้อยคำที่แทงใจดำ และก็...อยากขอบคุณ สำหรับการปลอบใจเมื่อกี้นี้ ถึงแม้ว่ามันจะแสดงออกมาแบบเถื่อนๆก็เถอะ
เฮ้ๆ เฟรม มึงดูดิ ไอ้น้องปายนั่น มันเป็นดาวเด่นคณะเราจริงๆนะเว้ย
เสียงเต้เอ่ยทักขึ้นในขณะที่ผมกำลังนั่งเป่ามาม่าร้อนๆที่ซื้อมากินตอนคาบว่าง ผมกลืนมาม่าลงคอก่อนจะหันมองตามที่เต้บอก ปายกำลังเล่นฟุตบอลอยู่ที่ลานใต้คณะกับเพื่อนผู้ชาย แล้วปายก็เป็นทอมคนเดียวในกลุ่มนั้น ไม่เด่นก็แปลกแล้ว
กูไม่เห็นว่ามันจะเด่นตรงไหน ผมพูดด้วยน้ำเสียงเรียบๆ และส่ายหัวอย่างไม่ใส่ใจ ก่อนจะหันมากินมาม่าต่อ
เฮ้ๆ มึง เต้เรียกผมพร้อมกับเอามือมาสะกิดผม
หืม ? ผมตอบรับสั้นๆพร้อมยักคิ้วไปทางเต้เป็นเชิงถาม เพราะเส้นมาม่าคาอยู่เต็มปาก
น้องปายกวักมือเรียกมึงอ่ะ เต้บอกผมในขณะที่สายตาของเต้ยังจ้องมองปายไม่วางตา
อึก.. ปายอาจจะเรียกมึงก็ได้เต้ ผมกลืนมาม่าก่อนจะตอบเต้ และยักคิ้วแถมให้อย่างกวนๆ
หรอ... งั้นกูไปลงเล่นกับพวกน้องๆเขามั่งดีกว่า หลังจากที่เต้พูดจบ เต้ก็วิ่งตรงไปยังกลุ่มน้องปีหนึ่งที่กำลังเล่นฟุตบอลกันอยู่ คุยกันอยู่สักพัก แล้วเต้ก็ได้ลงเล่นสมใจอยาก แต่ปายกลับออกมาจากทีมเดินตรงมาทางผมซะอย่างนั้น
เหนื่อยชมัด ขอกินน้ำหน่อยนะ หลังจากพูดจบ ปายก็คว้าขวดน้ำยกขึ้นกรอกปากในทันที
นี่... นั่นมันน้ำฉันนะ ผมมองปายอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไหร่
แค่น้ำขวดเดียวทำงกไปได้ ปายพูดจบก็วางขวดน้ำกระแทกลงบนโต๊ะด้วยความไม่พอใจ ก่อนจะเดินตรงไปที่ซุ้มแล้วซื้อน้ำขวดใหม่มาคืนให้ผม
อ่ะ.. หายกันแล้วนะ ปายวางขวดน้ำลงตรงหน้าผม ก่อนจะนั่งหอบหายใจเพื่อพักเหนื่อย
ผมยกถ้วยมาม่าซดจนหมด ก็ได้เวลาที่ผมต้องขึ้นเรียนสักที ผมมองไปทางเต้ ก่อนจะกวักมือเรียก
อ้าวเพ่ เหนื่อยแล้วหรอ งั้นเดี๋ยวปายลงต่อเอง ปายตะโกนถามเต้ ก่อนจะคว้าขวดน้ำแล้ววิ่งตรงไปยังลานใต้คณะ
หลังจากที่ปายวิ่งไปแล้วผมเพิ่งจะหันมาสังเกตว่า น้ำขวดที่ปายถือไปนั้นมันเป็นขวดใหม่นี่หว่า ส่วนไอ้ขวดที่ปายกินไปแล้วมันยังตั้งอยู่ตรงนี้อยู่เลย ไอ้ตัวแสบ !!
โอ๊ยย.. ไอ้ยุงบ้านี่กัดเจ็บชมัด ปายกำลังนั่งบ่นและตบยุงอย่างเอาเป็นเอาตาย
ตอนนี้เป็นเวลาประมาณ 19.30 น. ผมยังอยู่ที่คณะ เพราะรุ่นพี่ปี 3 เรียกให้อยู่ประชุมเรื่องงานประกวดดาวเดือน ปี 2 มีหน้าที่ดูแลน้องปี 1 ที่ได้รับคัดเลือก ซึ่งแต่ละคนก็ตั้งใจรับฟังรุ่นพี่อธิบายกำหนดการกันอย่างตื่นเต้น แต่ก็มีหนึ่งคนที่กำลังทำหน้าซังกะตายอยู่ข้างๆผม
นี่ ไอ้เปี๊ยก ไอ้เบื๊อกนี่มันจะพล่ามอีกนานป่ะ ฉันเห็นมันพล่ามมาครึ่งชั่วโมงละนะ ปายหันมาถามผมด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
เดี๋ยวก็ปล่อยแล้วล่ะ ทนหน่อย ผมก้มลงมองดูนาฬิกา ก่อนจะหันไปตอบปาย
...ปิ๊บๆ...ปิ๊บๆ...
เสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ผมหยิบขึ้นมาดู ก็พบว่าเป็นเบอร์ของจูน ผมเลยกดปิดเสียงไว้ ผมแค่รู้สึกไม่พร้อมจะรับฟังสิ่งที่จูนอธิบายเรื่อง น้ำ ในตอนนี้ .... เท่านั้นเอง
กำหนดการก็จะเป็นประมาณนี้ คร่าวๆนะครับ ขอบคุณน้องๆที่ให้ความร่วมมือ วันนี้ก็เท่านี้แยกย้ายกลับได้ รุ่นพี่ปี 3 คนหนึ่งกล่าวอย่างสุภาพ
เฮ้อ... กว่าจะปล่อย ยุงคณะนี้แม่งดุชิบ ปายลุกขึ้นยืน ก่อนจะบิดขี้เกียจไปมา
เฮ้อ... ผมถอนหายใจออกมา จ้องมองดูโทรศัพท์ที่จูนโทรเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย
ถอนหายใจตามทำไมห๊ะ ไอ้เปี๊ยก ปายหันมาถามผมก่อนจะหันไปตบยุงอีกป้าบ
ไม่มีอะไร ผมหันไปบอกปาย แล้วเก็บกระเป๋าเดินนำออกมา
ต่อให้ฉัน จะรักเธอมากเท่าไหร่ แต่ก็รู้ว่าเธอคงจะไม่สนใจ แต่ยังฝันไกล ...
ว่าไง ? ปายรับโทรศัพท์เสียงห้วน
ผมหันไปมองปาย ที่ตอนนี้ทำหน้าหงุดหงิดแกมรำคาญ ใครโทรมากันนะ...
อยู่ ทำไมอ่ะ... แล้วทำไมมึงไม่โทรหามันเองวะ เอ้า ! ไอ้เปี๊ยก จูนโทรมา ปายยื่นโทรศัพท์ให้ผมอย่างอารมณ์เสีย ก่อนจะเดินผ่านหน้าผมไป
ฮะ..ฮัลโหล ผมตอบกลับไปไม่เต็มเสียง
ทำไมไม่รับสายเราล่ะเฟรม ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนะ เฟรมไม่ฟังที่เราจะอธิบายเลย เฟรมเป็นอะไรของเฟรม ปลายสายพูดด้วยน้ำเสียงกึ่งโมโห
ปะ..เปล่า เราไม่ได้เป็นอะไร.. ผมตอบจูนไป ก่อนที่จะมีเสียง ติ๊ด.. ติ๊ด.. ดังแทรกขึ้นมา สายเรียกซ้อน ที่มีชื่อว่า มิ้นท์นี่ ที่รัก
เอ่อ... จูน เราว่าเรื่องนี้เดี๋ยวค่อยคุยกันดีกว่านะ ผมบอกจูน และเร่งฝีเท้าตามปายที่เดินนำอยู่ข้างหน้า
ไม่อ่ะเฟรม เดี๋ยวพอเราโทรหาเฟรม เฟรมก็จะไม่รับสายเราอีก ทำไมเฟรมต้องหลบหน้าเราด้วย ? จูนเสียงดังด้วยความไม่เข้าใจ
เอ่อ.. คือ มีสายเรียกซ้อนน่ะจูน.. ผมตอบจูนไป ก่อนจะคว้ากระเป๋าของปายได้ ไม่รู้ว่าจะรีบเดินไปไหน ขาก็ยาว ไม่สงสารคนตามมั่งเลย มันเหนื่อยนะเว้ย !
เดี๋ยวก่อนเฟรม ...
ปาย มีสายเรียกซ้อนน่ะ ผมยังไม่ทันได้ฟังที่จูนพูดจนจบประโยค ก็รีบส่งโทรศัพท์ให้ปายในทันที
ใคร ? ปายหันมาถามผม ก่อนจะรับโทรศัพท์ไป
มิ้นท์นี่ ที่รัก
เฮ้ยยยยย !!! เชี่ยแล้วมั้ยล่ะ
ทันทีที่ผมเอ่ยชื่อนั้น ปายรีบคว้าโทรศัพท์ขึ้นแนบหูในทันที และก็เอาออกมากดเลขแล้วแนบหูอีกครั้ง ... อีกครั้ง ... และอีกครั้ง ก่อนจะนั่งลงบนฟุตบาทข้างถนนแล้วถอนหายใจออกมายาวๆ จ้องมองดูโทรศัพท์ด้วยแววตาเหม่อลอย
เฮ้.. ปาย ผมเดินเข้าไปแล้วเอามือแตะบ่าปายเบาๆ
ฟึ่บ !!
เอามือแกออกไปเลย !!! ปายปัดมือผมออกอย่างแรงแล้วตะคอกใส่หน้าผม
เป็นอะไรของนายอีกเนี่ย.. ผมไม่เข้าใจปฏิกิริยาของปายในตอนนี้เลย ทำไมจู่ๆถึงโมโหขึ้นมาซะอย่างนั้นแหละ
เป็นอะไรหรอ ... นายเคยคิดมั้ยว่า ถ้าสมมติว่าแฟนนายโทรเข้ามาแล้วติดรอสายเนี่ย เขาจะเป็นยังไง ป่านนี้มิ้นท์คงคิดว่าฉันคุยกับใครไปแล้วมั้ง ปายตะคอกเสียงใส่หน้าผมด้วยอารมณ์โมโห
ค่อยๆอธิบายก็ได้นี่นา ก็บอกไปสิว่าจูนโทรมา มิ้นท์คงเข้าใจแหละ ผมพยายามที่จะพูดเพื่อปลอบใจปาย แต่ดูเหมือนสถานการณ์มันจะไม่ได้ดีขึ้นเลย
ให้อธิบายอะไรอีก นายไม่มาเป็นฉัน นายไม่มีวันเข้าใจหรอก ออกไปให้พ้นๆหน้าเลย !!
ปายตะคอกเสียงใส่หน้าผม แล้วผลักไหล่ผมจนเซถอยไป และถ้าผมไม่ได้ตาฝาด ผมเห็นปายร้องไห้ ก่อนที่จะโบกรถแท็กซี่แล้วก้าวขึ้นไปโดยไม่รอผม
นี่ผมทำผิดอะไรอีกเนี่ย ???
***********************************************************
เอามาลงให้ช้าอีกแล้ว แต่ก็ยังเอามาลงให้อยู่นะคร้าบ ทีแรกอิ๊งคิดว่าอิ๊งจะลบนิยายเรื่องนี้ออกซะเพราะว่าไม่มีเวลาแต่ง แต่คิดไปคิดมาก็กลับมาสานต่อให้มันจบๆเรื่องไปดีกว่าเนอะ เดี๋ยวคนอ่านจะอารมณ์ค้างๆคาๆ 555
By : InkkiiZ   Date : 29 May 2013 23:46
|