Remember Me : เมื่อครั้ง...ความทรงจำ (4)
มาต่อตอนที่ 4 แล้วครับ
ตอนนี้คงไม่หนักเท่าตอนก่อนๆนะครับ
และผมก็คงไม่ได้หายไปนาน...ใช่มั้ยครับ ^^
.................................................................................................................
Remember Me : เมื่อครั้ง...ความทรงจำ (4)
รถสีน้ำเงินขับเข้ามาจอดในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง คุ้งเดินลงจากรถพร้อมกับติดต่อกับพนักงานเพื่อเข้าไปในห้างก่อนเวลา
เขาออกจากลิฟท์ มองไปยังเวทีงาน ผ่อนลมหายใจช้าๆ หญิงสาวบางคน... ยังไม่มา
งานนี้เป็นงานแรกของคุ้ง งานแรกในฐานะครีเอทีฟ งานเปิดตัวน้ำอัดลมยี่ห้อใหม่ ภายใต้การจัดงานของบริษัท Big Dream ที่มีคุ้งเป็นคนวางคอนเซปต์งานนี้
เมื่อประตูลิฟท์เปิดออก ก็ถึงชั้นจัดงาน หญิงสาวผมยาวถอนหายใจ เมื่อเห็นใครบางคน ใครบางคนที่ยังทำให้หัวใจของเธอเต้นไม่ปกติ...เสียที
ตั้งแต่วันนั้น วันที่เธอเจอกับผู้หญิงของเขา เหมือนเธอจะเสียศูนย์ถ่วงในหัวใจไปดื้อๆ ทั้งๆที่อยากจะอยู่ใกล้เขามากกว่านี้ กลับไปทำความคุ้นเคยกันมากกว่านี้ แต่...ก็ทนรับความรู้สึกที่เขามีใครอีกคนอยู่ไม่ไหว
ยัยเฟิร์น มาช่วยกันได้แล้ว
ทันที่ที่เธอมาถึง เพื่อนสาวฝ่ายศิลป์ก็รีบปรี่เข้ามาดึงเธอไปช่วยงาน เฟิร์นสบตากับคุ้งเพียงแวบ... แล้วเธอก็ดึงสายตาหลบ
คุ้งนิ่วหน้าเล็กน้อย ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าหญิงสาวคนนั้นเป็นอะไร เหมือน...กำลังหลบหน้าคุ้งอยู่ แล้วคุ้งทำอะไรให้ไม่พอใจกัน วันนั้นที่ไปเสนองานยังคุยกันดีเลย หรือว่าเพราะต้องร่วมงานกันเท่านั้น นอกเวลางาน... เธอก็ยังไม่ชอบคุ้ง
เวลาใกล้เข้ามาทุกที คุ้งเข้าไปช่วยย้งเรื่องจัดดอกไม้ประดับเวที คนในบริษัทมีเพียงไม่กี่คน ตำแหน่งก็เพียงให้รู้ว่าใครต้องทำหน้าที่หลักอะไร แต่ในตัวงาน ทุกคนก็ต้องช่วยกันทำทุกหน้าที่
หญิงสาวมองแผ่นหลังของคนตัวสูงที่ก้มๆเงยๆอยู่หน้าเวที เธอละสายตาจากเขาไปไม่ได้ รวมทั้งหัวใจ...ด้วยก็เป็นได้ แต่จะให้ทำยังไง เมื่อคนๆนั้นมีเจ้าของหัวใจอยู่แล้ว
เฟิร์นเดินผ่านมาหน้าเวที ก่อนจะหยุดมอง เกดเองที่เดินตามเฟิร์นมา พอมองไปทางเดียวกับเฟิร์น ก็อดที่จะหัวเราะไม่ได้
งานพวกนี้เหมาะกับพี่สองคนดีเนอะ เธอแซวชายหนุ่มกับสาวห้าวอีกคนที่ต้องมาจัดดอกไม้
ไม่ช่วยอย่ามากวน ย้งหันมาทำเสียงเข้มใส่เกด
เกดหัวเราะสนุกแล้วเดินไป ส่วนเฟิร์นก็กำลังจะเดินตามเกด...
เอ่อ เฟิร์น คุ้งตัดสินใจเรียกหญิงสาวเอาไว้
และคำเรียกของเขาก็ทำเอาเฟิร์นชะงัก เธอหันมองคนตัวสูง เขาเรียกเธอเพราะอะไร
เอ่อ... คุ้งหยิบดอกไฮเดรนเยีย ที่วางไว้ข้างตัว เอาไปสิ
คะ เฟิร์นไม่เข้าใจ กับดอกไม้ที่คุ้งยื่นมาให้เธอ
คุ้งไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก เฟิร์นเองก็ไม่รู้จะทำอะไรได้ นอกจาก...รับดอกไม้นั่นมา ใจเธอเต้นไม่เป็นจังหวะ แค่ดอกไม้ที่เหลือจากการจัดเวที แต่คนที่ให้เธอมาคือคุ้ง
พี่ไม่เคยให้ดอกไม้ใครเลยนะ.... คุ้งยิ้มๆ แล้วหันกลับไปจัดเวทีต่อ หวังว่าดอกไม้ดอกนั้น อาจทำให้ความสัมพันธ์ของเขาและเธอดีขึ้นด้วย
เฟิร์นมองดอกไม้ ก่อนจะมองคุ้ง เธอนิ่วหน้า... ไม่เคยให้ดอกไม้ใครเลยอย่างนั้นหรอ ใจที่เต้นไม่เป็นจังหวะ เปลี่ยนเป็นใจที่เต้นรัว กับความหลังที่ย้อนกลับมา
...............................................................
เด็กหญิงผมสั้นส่งดอกไม้ดอกเล็กๆให้กับเด็กผู้หญิงอีกคน รอยยิ้มฉาบเต็มใบหน้าของคนทั้งสอง
ขอบคุณนะ พี่คุ้ง เฟิร์นยิ้มกับดอกไม้ที่เธอได้ ไปเล่นกันดีกว่า
อืม
คุ้งวิ่งตามเด็กหญิงตัวเล็กไป เป็นคุ้งที่คอยวิ่งตาเด็กผู้หญิงตัวเล็กอยู่เสมอ
พี่คุ้ง เฟิร์นหันมาหาพี่สาวคนสนิทของเธอ สัญญานะ ว่าเราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป
ได้ พี่สัญญา คุ้งตอบรับคำของเฟิร์น
เฟิร์นยื่นนิ้วก้อยออกมาหาคุ้ง คุ้งมองจ้องด้วยความสงสัย
อะไรหรอ คุ้งถามน้องสาวตัวเล็กที่ยืนอยู่ต่อหน้า
สัญญาไง เกี่ยวก้อยสัญญา
คุ้งพยักหน้ารับ ก่อนจะเกี่ยวก้อยสัญญา คำสัญญาที่มาพร้อมกับดอกหญ้า....ดอกนั้น
..
เฟิร์นกำดอกไม้ในมือแน่น ลืมหมดแล้ว ลืมหมดแล้วจริงๆ ไม่เคยให้ดอกไม้ใครเลยงั้นหรอ เธอคงไม่มีตัวตนสำหรับคุ้งแล้ว
เฟิร์นส่ายศีรษะ ไม่ยุติธรรมเลยที่เธอต้องมาจำได้คนเดียว และเจ็บคนเดียวแบบนี้ เธอตัดสินใจเดินไปทางอื่น กับดอกไม้ที่อยู่ในมือของเธอ ดอกไม้...ที่คนให้คงไม่เต็มใจจะให้เธอหรอก ก็แค่....ดอกไม้ที่เหลือจากการจัดเวที
คุ้งไม่กล้าหันกลับไปมองหญิงสาว เลยไม่รู้ว่าความตั้งใจของตัวเองนั้น...เฟิร์นไม่อาจรับรู้ได้
คุ้งจดจ่ออยู่เพียงแต่กับความคิดตัวเอง เขากำลังสงสัยว่าการที่เขาให้ดอกไม้ไปแบบนั้น ตลกเกินไปรึเปล่า แถมเป็นดอกไม้ที่ไม่ได้ซื้อเองด้วย ซ้ำร้ายยังมีคำพูดอีกตั้งหลายคำที่อยากจะพูด แต่ก็ไม่กล้าพูดไป
แน่ะ พี่ย้งเห็นว่าเฟิร์นไปแล้วก็แซวคนตัวสูงทันที มีให้ดอกไม้กันด้วย เมื่อกี๊เกดก็อยู่ แต่ไม่ได้ให้ ให้เฟิร์นคนเดียว แบบนี้หมายความว่าไง อย่าบอกนะ ว่าตกหลุมรัก AE ของเราเข้าให้แล้ว
คุ้งยิ้มๆ ไม่ได้ตอบคำถามของย้ง แต่ก็อาจจะเป็นอย่างที่ย้งถามก็ได้ มันอาจจะเป็นอย่างนั้น หรือ...อาจจะเป็นมากกว่านั้น มีแค่คุ้งคนเดียวที่รู้...หัวใจตัวเอง
...............................................................
ใกล้ถึงช่วงเปิดตัวสินค้า เกดกับเฟิร์นกำลังหัวหมุนกันน่าดู ก็ MC ที่จะมาทำหน้าที่ในงานเกิดโทรมาลาเอาดื้อๆ เพราะไม่สบาย เชเองก็หัวเสียไม่น้อย
ทำแบบนี้ก็ตายกันพอดี โทรมาลาตอนเช้าก่อนเริ่มงาน แล้วจะไปหาที่ไหนทัน
วิลองโทรหาคนที่ติดต่อสำรองๆเอาไว้แล้วกันนะ แฟนสาวของเช กำลังคิดหาทางแก้
พจน์ยืนหน้าเครียด ยกนาฬิกาข้อมือขึ้นดูแทบจะทุกๆสองวินาที และก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะแก้ปัญหาอะไรได้เลย
แล้วเล่นโทรมาบอกก่อนงานจะเริ่มแบบนี้ เกดหงุดหงิดเหมือนกัน จะไปหาคนแทนจากไหนทันเนี่ย MC คนนี้นี่ ครั้งหน้าอย่าหวังเลยว่าจะได้งาน
ใกล้ถึงเวลาแล้วนะ พจน์เสียงร้อนรนกว่าใครๆ ถ้าไม่มี MC จะทำยังไง
ให้ตายสิ เช สบถ ไม่คิดจะเจอปัญหาแบบนี้
ทุกคนเครียดกันหมด หาทางออกให้กับปัญหานี้ไม่เจอเลย
เว้ย พจน์ดูหงิดหงิดเข้าไปอีก เพราะเวลาที่บีบเข้ามา
มีความคิดอะไรมั้ย คุ้ง ย้งหันมาถามคนที่เงียบที่สุด เผื่อว่าครีเอทีฟของบริษัทจะมีความคิดดีๆขึ้นมา
เอ่อ.... แต่ย้งคิดผิดถนัด คุ้งยังคิดอะไม่ออกแม้แต่น้อย
พี่คุ้งเตรียมแผนสำรองไว้บ้างมั้ย เฟิร์นหันมาถามบ้าง คิดงานนี้ไม่ใช่หรอ
เฟิร์น ไปกดดันคุ้งก็ไม่ถูกนะ วิหันมาคุยกับน้องในบริษัท มันก็ไม่ใช่ส่วนงานของคุ้งโดยตรง
ถ้าอย่างนั้น... คุ้งหันมองหน้าหญิงสาวผมยาว ลองให้เฟิร์นเป็น MC ดูมั้ย
ห๊ะ เฟิร์นร้องเสียงหลง
พี่คุ้งหมายความว่าจะให้ยัยเฟิร์นขึ้นโฟนหรอ เกดทำหน้าไม่เชื่อ แต่ที่ทำหน้าไม่เชื่อกว่าก็คือเฟิร์น
หญิงสาวมองคนตัวสูงด้วยความสงสัย นี่มันยังไงกัน ตั้งใจจะย้อนเธอใช่มั้ย ที่ถามกดดันไปเมื่อครู่
อืม คุ้งพยักหน้ารับ
พี่คุ้งอย่ามาเสนออะไรมั่วๆเอาตัวรอดสิ เฟิร์นเสียงแข็ง
พี่ไม่ได้คิดจะเอาตัวรอด คุ้งเริ่มรู้สึกว่าความคิดของคุ้งนั้น ทำให้หญิงสาว...ไม่พอใจ แต่เห็นว่าเฟิร์นรู้รายละเอียดงานนี้ดีพอๆกับพี่ ตอนเสนองานเฟิร์นก็ทำได้ดี
คุ้งอธิบายมากที่สุดเท่าที่เขาจะทำได้แล้ว ทุกคนก็เริ่มเห็นด้วยกับคุ้ง
พี่ว่า ถ้ามันไม่มีทางออกจริงๆ วิธีนี้คงดีที่สุด พจน์เห็นด้วยอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง เพราะเวลาที่บีบเข้ามา ทำให้ทำอะไรมากไม่ได้ไปกว่านี้
แต่ว่า... เฟิร์นเหมือนยังไม่ยอมรับ มันไม่ใช่หน้าที่ของเธอ
ถือว่าช่วยๆกันก็แล้วกัน เชเข้ามาหว่านล้อม เราก็เป็น AE ก็พูดๆไปเหมือนขายงานนั่นแหละ แค่คนเยอะกว่าหน่อย
เฟิร์นทำไมได้หรอก
ก็แค่พูดไปตามสคริป เกดยื่นสคริปให้กับเฟิร์น เฟิร์นยังไม่ยอมรับ
ช่วยๆกันหน่อยแล้วกัน ใกล้เปิดงานแล้ว พจน์เข้ามากดดันเฟิร์น
หญิงสาวมองหน้าทุกคน ก่อนจะหันมองคุ้ง เธอไม่รู้หรอกว่าคุ้งปัดเรื่องให้มันพ้นตัวรึเปล่า ถึงได้เสนอเธอขึ้นมา สุดท้ายเฟิร์นก็รับสคริปไปจากเกด วิกับเกดเลยรีบดึงตัวเฟิร์นไปเตรียมตัว
จะรอดมั้ยเนี่ย พจน์เองก็ยังไม่วาย ไม่มั่นใจ
ก็ดีกว่าหา MC ไม่ได้เลยนะ เชพูดออกมาทั้งๆที่ในใจก็หวั่นๆอยู่เหมือนกัน
เฟิร์นถูกเกดกับวิแต่งหน้าแต่งตัวให้พร้อมขึ้นไปทำหน้าที่พิธีกรของงาน
ฉันจะโฟนได้มั้ยเนี่ย เฟิร์นมองสคริปที่อยู่ในมือ และมองหน้าเกดเพื่อนของเธอ
ยังไงก็ต้องได้แหละ เกดให้กำลังใจ แกทำได้อยู่แล้วน่า
แกไม่โดนเองนี่ ก็พูดได้ ขืนทำแย่ขึ้นมา ฉันไม่ต้องแบกรับความรับผิดชอบทั้งหมดของ Big Dream ไว้รึไง
ไม่มีใครคิดอย่างนั้นหรอก วิเข้ามาปลอบ มันเหตุสุดวิสัย แต่ยังไงก็ เต็มที่ก็แล้วกัน
ค่ะ เฟิร์นเลี่ยงไม่ได้จริงๆ
และอีกอย่าง... ทำไมคุ้งถึงเสนอเธอขึ้นมาแบบนี้นะ ทุกคนก็เห็นดีเห็นงามด้วยอีก ยังไม่หายโกรธที่พูดเรื่องดอกไม้เลยนะ ยังมาทำให้โกรธซ้ำอีก จะเคยรู้ตัวบ้างมั้ย ว่าทำให้เธอไม่พอใจมากแค่ไหนแล้วเนี่ย
พอถึงเวลาจริง เฟิร์นก็มายืนหน้าเวทีแล้ว เธอหันมองหาคนต้นคิดเรื่องนี้ และก็เจอจนได้ คนตัวสูงยืนอยู่ไม่ห่างเธอนัก กำลัง...มองมาที่เธอเช่นกัน
หญิงสาวถอนหายใจ แล้วเดินขึ้นไปบนเวที เอาเถอะ มันก็คงไม่ต่างกับการนำเสนองานกับลูกค้า ไม่ต่างมั้ง เฟิร์นไม่รู้จะให้กำลังใจตัวเองยังไง
เมื่ออยู่หน้าเวที เธอคงต้องยิ้ม และพูดๆๆๆๆ และนั่นคือสิ่งที่เธอต้องทำ
คุ้งมองหญิงสาวที่ทำหน้าที่พิธีกร รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเขาโดยที่เขาเองก็ไม่รู้ตัว แม้แต่ดวงตาที่เคยดูเฉยเมยของเขาก็เหมือนกับยิ้มไปด้วย
เฟิร์นกำลังพูดถึงความต่างในตัวผลิตภัณฑ์ตามที่เธอท่องเอาไว้ และสายตาก็เธอก็ไปหยุดอยู่ที่ใครบางคน ใครบางคนที่เสนอชื่อเธอขึ้นมาให้ทำหน้าที่ MC แทนคนที่ไม่มา
รอยยิ้มนั้น เป็นรอยยิ้มที่เธอ....ไม่ได้เห็นมันมานาน รอยยิ้มของคุ้ง รอยยิ้มของหญิงสาวคนที่เฟิร์นตกหลุมรักตั้งแต่ยังเด็ก สมาธิของเฟิร์นกระเจิดกระเจิงไปหมด เพียงแค่เห็นรอยยิ้ม...ของเขา
พจน์รีบทำมือเรียกให้เฟิร์นกลับมาพูดต่อจากทางด้านข้างเวที เฟิร์นเริ่มกลับมามีสมาธิ และตั้งใจทำหน้าที่ด้วยความจำเป็นของเธออีกครั้ง แต่เธอยังติดใจรอยยิ้มนั้น ยิ้มทำไม และ...สนุกรึไงที่ได้เห็นเธอมาทำอะไรที่เธอไม่เหมาะสมแบบนี้
เฟิร์นลงมาจากเวที เธอเหงื่อแตกเต็มมือ แต่ทุกอย่างผ่านไปได้ด้วยดี ดีเท่าที่เธอพอจะทำได้นั่นแหละ แต่คงไม่ได้ดีที่สุดสำหรับคนอื่นๆ
ช่วยได้เยอะเลย เฟิร์น พจน์เข้ามาบอกกับเฟิร์น นี่ได้ MC คนใหม่มาแล้ว
ขอบคุณนะคะ ที่ยังหา MC คนใหม่มาโฟนได้ เฟิร์นนึกว่าเธอจะต้องรับหน้าที่นี้จนจบงานซะแล้ว
แต่พูดใช้ได้เลยนะ เช เข้ามาแซว อารมณ์ผ่อนคลายกว่าตอนเช้าเยอะ รู้งี้ไม่น่าเสียเวลาหา MC ที่ไหนไกล ในบริษัทเราก็ทำได้นี่
ทำเป็นพูดนะพี่เช เฟิร์นทำหน้ายุ่ง ไม่ต้องเลย เฟิร์นไม่เอาแล้วนะ
เฟิร์นหันหน้าไปมองคุ้ง เจ้าของรอยยิ้มในตอนนั้น หายไปแล้ว เหลือเพียงคุ้งที่ยืนทำหน้านิ่งๆ แบบทุกๆครั้ง แต่สำหรับเธอ เธอมีเรื่องต้องเคลียร์กับเขาก่อน
พี่คุ้ง คิดยังไงกันแน่ ให้เฟิร์นไปทำแบบนี้เนี่ย
ก็อย่างที่บอก เฟิร์นก็พูดกับลูกค้าได้ดี
มันคนละเรื่อง เฟิร์นยังไม่หยุดข้อสงสัย
ก็พี่คิดว่าเฟิร์นน่าจะทำได้
คิดว่าหรอพี่คุ้ง แล้วถ้าเฟิร์นทำไม่ได้ล่ะ เฟิร์นอารมณ์ไม่ค่อยดี ที่จริงอาจจะเพราะ...เรื่องดอกไม้ด้วยทำให้เฟิร์นหงุดหงิด
ก็.... คุ้งหน้าเสียเล็กน้อย ทำให้หญิงสาวคนนี้ไม่พอใจใช่มั้ย พี่ขอโทษแล้วกัน ถ้าทำให้เฟิร์นลำบากใจ
คุ้งผ่อนลมหายใจ แล้วเดินไปทางอื่น เฟิร์นไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุ้งรู้สึกไม่ดี
นั่น งานเข้าเลยพี่คุ้ง เกดพูดไล่หลัง และหันมาคุยกับเพื่อน แกก็นะ ก็ทำได้ไม่ใช่หรอ พี่คุ้งเขาก็พูดถูกเรื่องแกนะ
เฟิร์นมองตามคนตัวสูงที่เดินไปอีกทาง หงุดหงิดมากไปรึเปล่านะ
ครีเอทีฟของเราเขาคงหลบไปรักษาแผลใจละมั้ง ย้งบอกกับหญิงสาวที่ยืนทำหน้ารู้สึกผิดอยู่ตรงนั้น เมื่อเช้าเขาอุตส่าห์ให้ดอกไม้ไป แถมยังยืนยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ตอนเฟิร์นขึ้นโฟน แต่โดนแบบนี้สงสัยต้องกินน้ำใบบัวบกแก้อกเดาะแล้วหละ
มีให้ดอกไม้กันด้วยหรอ เชทำท่าสนอกสนใจ
อย่างนี้ที่เสนอเฟิร์นขึ้นโฟน ไม่ใช่แค่แก้สถานการณ์มั้ง คงอยากเห็นคนบางคนอยู่บนเวที วิได้ทีก็แซว
เฟิร์นส่ายศีรษะ ไม่ใช่เรื่องโดนแซวหรอก แต่เรื่องคุ้งต่างหาก มันจะน่าเอามาแซวเธอได้ยังไง ในเมื่อคุ้งมีคนอื่นอยู่แล้ว และอีกอย่างมันคงไม่ได้ลึกซึ้งอะไรแบบนั้นแน่ๆ ไม่มีทาง
...............................................................
ตอนพักคุ้งเดินไปกินข้าวคนเดียวที่ชั้นฟาร์ทฟู้ด รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ที่เฟิร์นไม่เข้าใจความคิดของคุ้ง และป่านนี้โดนเกลียดขี้หน้ามากเข้าไปอีกแหงๆ คุ้งได้แต่ถอนหายใจ
เกดกับเฟิร์นเดินผ่านมาพอดี เกดไม่รอช้าที่จะดึงตัวเฟิร์นไปหาคุ้ง ทั้งๆที่เฟิร์นยังไม่ค่อยอยากจะเจอคุ้งเท่าไหร่ ทำหน้าไม่ถูกเหมือนกัน ที่เป็นต้นเหตุทำให้คุ้งซึมขนาดนั้น
พี่คุ้ง ทำไมมาทานข้าวคนเดียวล่ะ
เอ่อ... คุ้งยิ้มบางๆ ก่อนจะมองไปทางเฟิร์น แล้วเราสองคนกินข้าวรึยัง
กำลังจะกินพอดี นั่งด้วยได้มั้ยพี่คุ้ง
คุ้งพยักหน้ารับ เฟิร์นหันมองเพื่อนไม่ค่อยสบอารมณ์ ไม่รู้รึไงว่าเธอยังไม่อยากเผชิญหน้ากับคุ้งในตอนนี้
งั้นเดี๋ยวเราไปกินที่อื่นนะ เฟิร์นออกตัว
เฮ้ย ทำไมอย่างนั้นล่ะ เกดถามทันที
เพราะพี่ใช่มั้ย คุ้งถามออกไป ยังไม่พอใจที่พี่เสนอชื่อเฟิร์นขึ้นไปโฟนใช่มั้ย
เฟิร์นเงียบ ไม่ตอบคำถาม คุ้งยิ่งแน่ใจว่าเฟิร์นไม่พอใจ
พี่ขอโทษ พี่ยุ่งไม่เข้าเรื่องเอง
ไม่ใช่หรอกพี่ เกดรีบแก้ต่างให้ พี่คุ้งไม่ได้ยุ่งไม่เข้าเรื่องสักหน่อย พี่คุ้งช่วยงานนี้ไว้เลยต่างหาก จริงมั้ย เฟิร์น
เกดหันไปขอความเห็นจากเฟิร์น คุ้งมองหน้าหญิงสาว เฟิร์นถอนหายใจ
เฟิร์นไม่ได้โกรธอะไร แค่เฟิร์นไม่ค่อยชอบทำอะไรในสิ่งที่เฟิร์นไม่ถนัด
แต่พี่คิดว่าเฟิร์นทำได้จริงๆนะ และก็ทำได้ดีด้วย
ใจเต้นแรงอีกแล้ว คำพูดไม่กี่คำของคุ้ง ทำเอาหญิงสาวใจเต้นโครมคราม คำชมนี้ ถ้าเป็นจากคนอื่นเธอคงไม่คิดอะไร แต่นี่เป็นคำชมของคุ้ง ก็ไม่รู้ว่าจากใจจริง หรือแค่อยากจะเอาใจเธอที่เธอไม่พอใจ แต่นั่นก็มีปฏิกิริยากับเธอไม่น้อยเลย
ใช่ๆ แกก็ทำได้ดีออก เกดสนับสนุน ถ้าไม่มีอะไรค้างใจกันแล้ว มานั่งกินข้าวกับพี่คุ้งเขาเลย ฉันเองก็หิวแล้ว ไม่อยากไปร้านไหนแล้ว เอาแถวนี้แหละ
เฟิร์นไม่มีทีท่าปฏิเสธอีก เธอมองคนตัวสูง คุ้งเองก็มองไปทางหญิงสาว ถอนหายใจ โดยเกลียดไปถึงไหนกันแล้วก็ไม่รู้
เมื่อทานข้าวกันเสร็จ ทุกคนก็มาเคลียร์งานที่ค้างไว้ หลังจากงานเปิดตัวสินค้าเสร็จสิ้นลงไปแล้ว ระหว่างที่คุ้งกับพจน์กำลังคุยกันอยู่ หญิงสาวคนหนึ่งก็เดินเข้ามาทักคุ้ง
คุ้ง คุ้งหันไปตามเสียงเรียก
พลอย
เห็นว่ามาทำงานแถวนี้ เลยแวะมา ที่ทำงานของพลอยอยู่ไม่ไกลจากห้างนี้เท่าไหร่ ว่าแต่ เสร็จงานแล้วหรอ
อืม
คุ้งพยักหน้ารับ และการคุยกันของคนสองคนก็ไม่รอดพ้นสายตาของเกดไปได้ เธอรีบสะกิดให้เฟิร์นหันไปมองคุ้ง
แกๆ นั่นผู้หญิงที่ไหนคุยอยู่กับพี่คุ้งน่ะ
เฟิร์นมองและ...ในทันทีที่เห็นว่าเธอคนนั้นเป็นใคร หัวใจของเฟิร์นก็กระตุกไหว เธอคนนั้น คนที่เจอกันที่ร้านอาหาร คนที่....พูดกับคุ้งว่าเจอกันที่ห้อง จะเป็นใครอื่นไปได้นอกจาก...
หรือว่าเป็นแฟนพี่คุ้ง เกดทำหน้าเซ็ง มีแฟนแล้วหรอเนี่ย
เฟิร์นพยายามหันไปทางอื่น พยายามไม่สนใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมอง ทั้งสองยังคุยกันอยู่ คุยกันเหมือนคนที่คุ้นเคยกันมานาน มันต้องเป็นอย่างนั้นอยู่แล้ว คนที่อยู่ในความทรงจำของคุ้ง คงมีแค่หญิงสาวคนนั้นเท่านั้น ไม่ใช่เธอ ไม่ใช่เลย
...............................................................
ตอนค่ำที่บริษัทมีเลี้ยงกันหลังจากที่งานผ่านไปได้ด้วยดี และท่าทางจะได้งานอีกยาวกับบริษัทน้ำอัดลมรายนั้น
ต้องชมคุ้งเลยนะ บริษัทนั้นถูกอกถูกใจงานของเราสุดๆไปเลย เชพูดกับคุ้ง คุ้งพยักหน้ารับน้อยๆ
จริงๆ ก็เพราะทุกคนมากกว่า คุ้งถ่อมตัวตามประสา
เพราะเฟิร์นด้วย พจน์พูดขึ้น ไม่ได้ MC จำเป็นคนนี้ งานเมื่อเช้าไม่รอดแน่ๆ
เฟิร์นทำหน้ายุ่งเหมือนเคย ยังไง๊ยังไง เฟิร์นก็ไม่พอใจกับการทำงานเมื่อเช้า เธอไม่มั่นใจสักนิด
มา ดื่มให้ความสำเร็จก้าวต่อไปของ Big Dream กัน เชเรียกชนแก้ว
ยิ่งใหญ่ละเกินนะพี่ ย้งแซว
ทำยังกับได้รับรางวัลระดับโลก เกด ฝ่ายศิลป์ทั้งสองเข้าขากันได้ดี
ทุกงานที่ผ่านมือ Big Dream คืองานที่ยิ่งใหญ่ระดับโลกทั้งนั้น เช พูดเสียงร่าเริง คงเพราะฤทธิ์แอลกอฮอลล์ที่เริ่มทำปฏิกิริยากับร่างกายของเช มา ชนๆๆๆ
ทุกคนชนแก้วกันกลางวง ก่อนที่เสียงพูดคุยโหวกเหวกโวยวายจะดังลั่นร้าน
ผ่านไปหลายชั่วโมง การพูดคุยเป็นไปอย่างออกรสมากขึ้น มีก็แต่คุ้งเท่านั้นที่นั่งเงียบ เพราะความสนิทสนมกับทุกคนในที่นี้ คุ้งมีน้อยที่สุด
พี่คุ้ง เกดเรียกคนพูดน้อย เงียบเชียว อยากรีบกลับบ้านหรอ
เปล่าหรอก คุ้งปฏิเสธ
จริงหรอ ไม่ใช่ว่ากำลังนั่งคิดถึงใครอยู่หรอกนะ เกดยังถามจี้ไม่เลิก หรือว่าคิดถึงผู้หญิงคนที่เจอไปเมื่อตอนกลางวัน
ตอนกลางวัน คุ้งทวนคำของเกด และนึกย้อนกลับไป
แฟนใช่มั้ย
ไม่ใช่
คุ้งรีบตอบออกมา และคำตอบนั้นเล่นเอาเฟิร์นหูผึ่งเลย เธอทำเป็นมองไปทางอื่น แต่คอยฟังที่เกดพูดกับคุ้งใจจดใจจ่อ
อ้าว ถ้าไม่แฟนพี่คุ้ง แล้วเขาเป็นใคร
เพื่อน
แหม เพื่อนแน่หรอ เกดแหย่ บอกมาเหอะ ไม่เอาไปล้อหรอก
เฟิร์นเม้มริมฝีปาก ยังไงกันแน่ หรือไม่กล้าบอกว่าเป็นแฟน
เป็นเพื่อนจริงๆ รู้จักกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว
ไม่จริงมั้ง เกดยังไม่ลดละจะจับคุ้งเป็นแฟนกับพลอยให้ได้ เห็นวันนี้คุยกันเหมือนสนิทกันมากกว่านั้น
ไม่มีอะไร ก็คุยกันเฉยๆ ตอนแรกเขามาชวนพี่กลับพร้อมกัน แต่บริษัทมีเลี้ยง...
แน่ะ เกดรีบดัก แล้วทำไมต้องกลับพร้อมกัน
เพื่อนพี่ชวนกินข้าวตอนกลับถึงคอนโด
อย่าบอกนะว่าอยู่คอนโดเดียวกัน
อืม
นั่นไง เกดเสียงดัง เฟิร์นอยากจะหันมองให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็อดใจไว้ อยู่ด้วยกันใช่มั้ย
อยู่คอนโดเดียวกัน แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน คุ้งมองหน้าหญิงสาวจอมจับผิด
ไม่ใช่แฟนจริงๆหรอ แหม พี่คุ้ง ไม่ต้องปิดหรอก มีแฟนไม่เห็นต้องปิดบังกันเลย พี่คุ้งไม่ใช่ดาราซะหน่อย
พี่ก็ไม่ได้ปิดบังอะไร ให้เพื่อนพี่ยืนยันก็ได้นะ
เกดยังมองคุ้งด้วยแววตาไม่ค่อยไว้ใจ แต่สำหรับเฟิร์น จะจริงไม่จริง เธอไม่รู้หรอก แต่เหมือนเธอโล่งใจอย่างบอกไม่ถูก เธอคนนั้นไม่ได้เป็นแฟนกับคุ้ง และที่วันนั้นพูดว่าเจอกันที่ห้อง ก็เพราะอยู่คอนโดเดียวกัน จะเจอกันก็ไม่แปลก
สุดท้ายเฟิร์นก็หันมองหน้าคนตัวสูง เขาหน้าแดงเล็กน้อย คงเพราะเหล้าที่ดื่มเข้าไป สายตาของเขาหลบต่ำลง เขายังไม่มีใครจริงๆใช่มั้ย อย่างน้อย รักแรกของเธอก็ยังไม่มีใคร และ...
ไม่ทันที่เฟิร์นจะคิดอะไรต่อ คุ้งก็เงยหน้าขึ้นมอง เธอรีบหันหน้าหนี คุ้งมองสงสัย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร
จนถึงเวลาแยกย้ายกันกลับ เกดมีไปต่อกับเพื่อน วันนี้คุ้งเลยกลับคนเดียว แต่...ก่อนที่คุ้งจะกลับไปที่รถ เขาเห็นหญิงสาวคนที่เขาเฝ้ามองเดินออกมาจากร้าน คงเพิ่งออกมาจากห้องน้ำ
เฟิร์น คุ้งเรียกเธอเอาไว้ กลับยังไงหรอ
แท็กซี่
ปกติเห็นมีคนมารับ
วันนี้ดึกแล้ว เลยไม่อยากกวน
คุ้งพยักหน้ารับเข้าใจ แต่....เขาเองก็ไม่อยากปล่อยให้เธอกลับเองคนเดียวแบบนี้
ให้พี่ไปส่งมั้ย
คำชวนของเขา ทำเอาหญิงสาวแทบหยุดทุกความเคลื่อนไหว
ดึกแล้ว กลับคนเดียวอันตราย
ถ้าพี่คุ้งไม่ลำบาก เธอเองก็อยาก...อยู่กับเขาเหมือนกัน อยู่กับเขาสองคนเหมือนเมื่อครั้งยังเด็ก
ไม่ลำบาก
คุ้งตอบออกมาในทันทีทันใด เขาไม่คิดว่ามันเป็นเรื่องลำบาก และอีกอย่าง เขาอยากจะ...อยู่กับหญิงสาวคนที่เขาเฝ้ามองมาตลอด
เสียงเพลงในรถแผ่วเบาจนแทบไม่ได้ยิน เฟิร์นไม่แน่ใจเหมือนกันว่าคุ้งตั้งใจหรือไม่ตั้งใจเปิดกันแน่ เธอค่อยๆหันมองคนตัวสูง คนๆนี้ไม่มีแฟนจริงๆใช่มั้ย
เอ่อ...เฟิร์นเคยได้ยินเรื่องเส้นขนานมั้ย อยู่ดีๆคุ้งก็ถามขึ้นมา
หมายถึงอะไรคะ เกี่ยวกับงานรึเปล่า
ไม่ใช่หรอก คุ้งผ่อนลมหายใจ เฟิร์นสงสัยท่าทางของคนตัวสูง เกี่ยวกับเรื่องของความรัก พี่เคยได้ยินมาน่ะ ไม่ค่อยเข้าใจหรอกนะ แต่ประมาณว่า ถึงไม่ได้อยู่ด้วยกัน ถึงเป็นแค่เส้นขนาน แต่มันก็ได้เคียงข้างกัน...ตลอดไป
เคยได้ยินเหมือนกัน เฟิร์นพยักหน้ารับ แต่เฟิร์นว่ามันเป็นข้ออ้างที่ไว้ปลอบใจคนที่อกหักมากกว่า เพราะเส้นขนานมันก็ได้แค่เคียงข้าง ได้แค่เฝ้ามอง แต่ไม่ได้อยู่ด้วยกัน
ไม่อยากให้ระหว่างเธอกับคุ้งเป็นแบบนั้นเลย ตลอดเวลาที่ผ่านมา ชีวิตของเธอและเขาอาจจะเป็นเส้นขนาน แต่ต่อจากนี้ ได้เจอกันแบบนี้ เธอจะปล่อยให้มันเป็นเส้นขนานต่อไปอย่างนั้นหรอ
เธอควรจะบอกเขาไปรึเปล่า ว่าเธอจำเขาได้ และเขา คุ้ง พี่คุ้ง คือคนเดียวที่อยู่ในใจของเธอ และเธอไม่อยากให้ระหว่างเธอและเขาเป็นเส้นขนานอีกต่อไป
แต่ถ้า... คุ้งผ่อนลมหายใจ มันมีเหตุผลอื่นที่ทำให้เส้นขนานบรรจบกันไม่ได้ล่ะ
เหตุผลอะไรล่ะ เฟิร์นไม่เข้าใจคำถามของคนตัวสูง
เฟิร์นมีแฟนรึยัง
ถามออกไปแล้ว คุ้งถามออกไปแล้ว ทั้งๆที่น่าจะรู้คำตอบอยู่แล้ว นั่นไงเหตุผลของเส้นขนาน คนที่มารับมาส่งเฟิร์นทุกวัน คนๆนั้น....
ยังค่ะ เฟิร์นตอบในทันที....ทันใด
คุ้งเหยียบเบรกมิด เล่นเอาเฟิร์นแทบจะหัวทิ่มไปข้างหน้า ถ้าไม่คาดเข็มขัดนิรภัย เฟิร์นก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเธอจะพุ่งออกจากรถไปรึเปล่า
ส่วนคุ้ง...เขาเหมือนไม่ได้สนใจว่าเขาเหยียบเบรกหนักขนาดไหน เขาเพียงแค่...ค่อยๆหันมองหน้าหญิงสาวที่นั่งอยู่ข้างๆเขา
พี่คุ้งเบรกทำไมคะเนี่ย เธอไม่เข้าใจคนตัวสูง
เอ่อ... คุ้งหันหน้ากลับไปมองทาง เหมือนมีอะไรเข้าตาน่ะ...
อะไรหรอ ให้เฟิร์นดูให้มั้ย
มันออกไปแล้ว
คุ้งตอบพร้อมรอยยิ้ม...น้อยๆ เฟิร์นสงสัยกับรอยยิ้มนั้น และที่สงสัยกว่าคือคำถามก่อนหน้านั้น เธอควรจะถามดีมั้ยนะ ว่าคุ้งถามเธอทำไมเรื่องแฟน... หรือว่า....
เธอยังมองจ้องหน้าคนตัวสูงที่หน้าเปื้อนยิ้ม มันหมายว่ายังไงกัน คนหน้านิ่งคนนี้ ยังยิ้มไม่หยุด เพราะคำตอบที่เฟิร์นตอบออกไปอย่างนั้นหรอ เพราะอย่างนั้นรึเปล่า....
ถึงแม้ว่าจะจำไม่ได้ว่าเฟิร์นเป็นใคร ถึงแม้ความทรงจำวัยเด็กของคุ้งจะเลือนหายไปแล้ว แต่ความรู้สึกที่เกิดขึ้นกับคุ้ง มันคือ...แบบเดียวกับที่เธอเป็นใช่มั้ย เฟิร์นก็ไม่รู้ว่าเธอจะมั่นใจเรื่องแบบนี้ได้มากแค่ไหน แต่ถ้าลงจากรถของคุ้งเมื่อไหร่ล่ะก็....
เธอขอกรี๊ดให้เต็มเสียงก่อนก็แล้วกัน
...............................................................
จบตอน 4
อื้ม...คุ้งชอบเฟิร์นอย่างนั้นหรอ
แล้วไอ้ความทรงจำตอนยังเด็กล่ะ...
ยังไม่เห็นวี่แววว่าคุ้งจะจำอะไรได้
แล้วเฟิร์นจะบอกคุ้งรึเปล่า???
แล้วถ้าบอก จะมีเรื่องวุ่นวายอะไรอีกมั้ย???
....ติดตามกันต่อตอนหน้าครับ...
By : TepiN   Date : 23 Jan 2012 14:01
|