DVD UP 2 U




แจ้งลบกระทู้ หมายเลข : 467836

 หัวเรื่อง : [เรื่องสั้น] Nice to meet you. : บันทึกรัก...จากหัวใจ [Part End]

 ข้อความ :


บันทึกของความรัก...ส่วนท้ายนะครับ

ขอบคุณสำหรับการติดตามครับผม


สุขสันต์วันวาเลนไทน์ล่วงหน้านะครับ

...................................................................................................................




     5 มีนาคม 2553


     ผ่านมาหลายเดือนแล้ว... ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าระหว่างอร กับแฟนของอร ในตอนนี้เป็นยังไงบ้างหลังจากวันนั้นที่อรร้องไห้กับผมและเพื่อนคนอื่นๆ อรก็ไม่ได้พูดถึงบอสอีกเลย

ผม...อยากจะแน่ใจ แต่ผมก็ไม่กล้าถาม สรุปตอนนี้อรกับแฟนเลิกกัน หรือคืนดีกันแล้ว แล้วผม...จะมีหวังเพิ่มมากขึ้น หรือยังคงยืนที่เดิม จะจีบอรได้มั้ย หรือเป็นได้แค่เพื่อน

หลายอย่างที่ทำให้ผมไม่กล้าถาม กลัวไปสะกิดต่อมบางอย่างของอร เดี๋ยวอรจะเสียใจอีก และก็กลัวว่าจะได้คำตอบกลับมาว่าเธอกับแฟนยังคบกันอยู่

นั่นก็เลยทำให้ผม...ยังคงยืนอยู่ที่เดิม งี่เง่าจริงๆผมเนี่ย ได้แต่ถอนหายใจกับตัวเอง


      วันนี้เริ่มสอบวันแรก อรก็เหมือนกัน ไม่กี่วันหลังจากที่อรบอกว่าอรเลิกกับบอส เธอก็กลับมาเป็นอรคนเดิม โวยวาย โผงผาง แต่ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่า แท้จริงๆแล้วความรู้สึกของอร เป็นอย่างไร

ผมเข็นมอเตอร์ไซด์ไปที่หน้าบ้านเหมือนทุกวัน มองพื้นที่เต็มไปด้วยดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ ไอ้ที่ตกบนพื้นหญ้าเขียวๆก็สวยดีหรอกนะ แต่ไอ้ที่ตกบนพื้นซีเมนต์เนี่ยสิ นอกจากไม่สวยแล้ว พวกผมยังต้องกวาดอีก

“ร่วงอีกแล้ว” ผมบ่น ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ร่วงมาตลอดเดือน ร่วงแล้วก็กวาด ร่วงแล้วก็กวาด ทุกวี่วัน
“อีม...” อรตอบรับสั้นๆ และมองไปบนต้น “มันก็เหมือนเป็นตัวบอกว่า ถึงเวลาที่จะต้องจากกันแล้ว”
“พูดอะไร” ผมถามสงสัย
“ก็ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์มันออกดอกช่วงนี้ใช่มั้ยล่ะ กุมภา มีนา”
“อืม”
“มันก็เป็นช่วงปิดภาคเรียนของโรงเรียน ขอมหาลัย” อรทิ้งสายตามองไปเหมือนกำลังคิดอะไรบางอย่างอยู่ด้วย “เมื่อดอกพันธุ์ทิพย์โรยลา การจากลาก็มาถึง”
“เฮ้ย คิดคำพวกนี้เป็นด้วยหรอวะ”
“มีในหนังสืออนุสรณ์ของโรงเรียนฉันย่ะ” อรหันมาทำหน้ายุ่งใส่ผม ผมหัวเราะ

แต่แววตาของอรที่พูดคำเมื่อครู่ ผมว่ามันเป็นแววตาที่ดูเศร้าพิลึก เศร้าเพราะต้องปิดภาคเรียน ไม่ได้เจอกันนาน หรือเศร้าเพราะการจากลาเรื่องอื่นกันแน่ ผมก็ไม่อาจเข้าใจ

..............................................................



     26 พฤษภาคม 2553


     การรอคอยของผมก็สิ้นสุดลง เปิดเทอมของชั้นปีที่สาม นี่ก็สองปีมาแล้วสิ ที่ผมได้รู้จักกับอร นานมากทีเดียว กับความรู้สึกของผม...

ความรู้สึกในการแอบรักใครสักคน มันยาวนานได้ขนาดนี้เลยหรือ...

ผมไม่อาจตอบคำถามให้ตัวเองได้ บางทีผมคิดว่าผมอาจจะตัดใจได้แล้ว แต่วันนี้ วันที่อรกลับมาที่บ้านเช่าอีกครั้ง ผมก็ยังรู้สึกได้ว่า... ผมยังชอบเธออยู่

ชอบที่เธอโวยวายโผงผาง ชอบที่เธอพูดจาแบบเป็นกันเองกับผม ชอบที่เธอร้องเพลง ชอบที่เธอไม่ถือตัว ชอบที่เธอ...ยังอยู่กับผมแบบนี้

“ไม่เจอกันนาน อ้วนขึ้นป่ะเนี่ย” อรยิงคำถามแรกหลังจากที่ไม่ได้เจอกันนาน
“แน่นอนดิ เด็กกำลังโต”
“โตกว่านี้ไม่ได้แล้วมั้ง” อรทำหน้ายุ่ง
“แต่อรดูไม่เปลี่ยนเลยนะ”
“น่ารักไม่เปลี่ยนล่ะสิ”
“น่าเกลียด” ผมสวนกลับทันควัน
“ไอ้อ้วน ปากดีนักนะ” นั่น อรโวยวายอีกแล้ว


      ผมกับอรแวะเข้าไปในมหาวิทยาลัย ไปดูรับน้อง ก็ไม่ได้ลงไปยุ่งอะไรมากแล้ว อยู่ปีสาม ลอยตัวกันหมด ปล่อยเป็นหน้าที่ของปี 2 ทำงานกันให้เต็มที่

ผมกับอรเดินมาที่โรงอาหาร ไม่ได้กินข้าวถูกๆมานาน ขอจัดซะหน่อย จะมีข้าวที่ไหน ถูกกว่าที่โรงอาหารในมหาวิทยาลัยอีกมั้ย ผมไม่เคยเจอเหมือนกัน

“อ้วน” นั่น อรเรียกผมซะเสียงดังเลย และไม่ใช่แค่ผมที่หันไป

ผมหัวเราะออกมาทันที ที่เห็นคนค่อนโรงอาหารมองตามเจ้าของเสียง ไม่อรเสียงดัง ก็เพราะมีคนเรียกกันด้วยคำนี้...เยอะแน่ๆ โดยเฉพาะคนที่เป็นแฟนกัน

“แกเรียกฉันคนเดียว แต่หันทั้งโรงอาหารเลยนะ” ผมบอกกับอร ทั้งๆที่ยังหัวเราะอยู่
“เออ นั่นสิ” อรเองก็หัวเราะ และเพิ่งสังเกต “มันเป็นคำฮิตของคนเป็นแฟนกันนี่เนอะ”

ผมพยักหน้า แล้วหันมองอร แล้วมาเรียกผมแบบนี้ อยากเป็นกับผมรึเปล่านะ อร...อย่าทำให้ผมคิดไปไกลสิ แบบนี้...มันทำให้มีความหวังรู้มั้ย ผมยิ้มออกมา บางทีผมอาจจะมีความหวังจริงๆ

“แกว่าผู้ชายดีๆจะยังมีหลงเหลือในโลกมั้ย” อรถามผม... มันเกี่ยวกับความรักของเธอรึเปล่า
“มีมั้ง...คนหนึ่งยังไม่เกิด คนนึงตายไปแล้ว” ผมเคยได้ยินมาน่ะ
“แล้วผู้หญิงดีๆล่ะ”
“คนนึงเป็นใบ้ คนนึงตาบอด”
“อะไรขอแกวะ มันดียังไง”
“อ้าวไม่ดีหรอ เวลาคบสองคนใช่มั้ย คนเป็นใบ้เห็นคนตาบอด แต่ก็ด่าไม่ได้ คนตาบอดเองก็ไม่เห็นและไม่ได้ยินเสียงคนเป็นใบ้ คบซ้อนสบาย”
“ถุย” อรด่าเสียงดัง “ดีกับแกคนเดียวหละสิ”

ผมหัวเราะ แต่อรถามถึงเรื่องผู้ชายดีๆในโลก คงสืบเนื่องมาจากเรื่องบอสแน่ๆ แล้ว... ไม่เป็นผู้ชายดีๆได้มั้ย เป็นเราได้มั้ย ผมได้แค่คิดในใจคนเดียว

..............................................................



     12 กันยายน 2553


      อาทิตย์นี้อรว่าอรจะกลับบ้านไปสักอาทิตย์หนึ่ง ผมก็เลยไม่ได้ไปเล่นดนตรีที่ร้านพี่อู๊ด ได้แต่เล่นดนตรีฟังคนเดียว

ไม่มีเสียงเพราะของๆอร แล้วก็...คิดถึงแฮะ

และการได้อยู่คนเดียวหลายๆวันแบบนี้ ทำให้ผม...คิดอะไรบางอย่าง... ผมกำลังคิดว่า ผมควรจะจริงจังกับความรู้สึกของผมสักทีดีมั้ย

ทำให้เป็นเรื่องเป็นราวไปเลย บอกอรให้เข้าใจอีกครั้ง ว่าผมชอบอรมากเพียงใด ไม่ใช่เหมือนครั้งแรกที่ทำราวกับว่ามันเป็นเรื่องทั่วๆไป

ผมกับอรก็สนิทกันมากขนาดนี้ และกับบอส อรอาจจะเลิกกันไปแล้ว เพราะอรไม่ได้พูดถึงเลย แต่ผมก็ไม่แน่ใจ ว่าอรจะลืมบอสได้รึยัง

ไม่เป็นไร...ผมจะค่อยๆพยายามเติมเต็มที่หัวใจที่เคยเจ็บปวดของอร ด้วยความรักผม

     ...น้ำเน่าไปรึเปล่าหว่า

เอาเป็นว่าผมจะค่อยๆเริ่มส่งผ่านความรักของผมด้วยการกระทำต่างๆ และปีหน้า ผมคิดว่า...น่าจะเป็นวันวาเลนไทน์ ผมควรจะมีของขวัญให้กับความรักของผม...ความรักที่เฝ้ามองใครคนหนึ่งมานานแสนนาน


     ถึงวันนั้น... ผมจะขอเธอเป็นแฟน

..............................................................




     23 ตุลาคม 2553


     ช่วงปิดเทอม ผมยังอยู่ที่บ้านเช่า เพราะเปิดเทอมสอง ผมมีงานใหญ่ของคณะการสื่อสารมวลชน ผลก็เลยไม่ได้ลงไปที่บ้าน

ช่วงเวลาก่อนปิดเทอมเป็นช่วงที่ผมมีความสุขมาก ผมได้อยู่กับอร ได้ไปไหนมาไหนด้วยกัน ได้ทำอะไรมากมาย ไปเที่ยวกันสองคน คุยกันทุกครั้งก่อนนอน

จนผมเผลอคิดไปหลายครั้งว่า เราสองคน...อาจเป็นแฟนกันไปแล้ว ทางพฤตินัย อรอาจจะยอมรับผมแล้ว แต่ถึงยังไงก็ตาม ผมคงต้องทำให้ทุกอย่างมันชัดเจน...

เวลาที่ผมวางไว้ตอนวาเลนไทน์อาจจะเลื่อนใกล้เข้ามา เป็นสิ้นปี หรือปีใหม่... ก็อาจจะดี เพราะความรู้สึกของผม มันมากจนจะล้นทะลักออกมาแล้ว และอร...ผมค่อนข้างมั่นใจว่าอรคงจะตอบรับความรู้สึกของผมเช่นกัน


      กว่าที่ทุกคนจะมารวมตัวกันอีกครั้ง ก็เล่นเอาผมเหงาน่าดู แต่พอคนที่ผมรอมาตลอดช่วงปิดเทอมปรากฏตัว ความเหงาของผมก็หายวับไป

อรดูสดใสร่าเริงมากกว่าปกติ เธอยิ้มแย้มตั้งแต่ที่มาถึง จนผม แป๋ว และทรายอดที่จะสงสัยไม่ได้

“ยิ้มอะไร อร” แป๋วถาม
“วันนี้ฉันเพิ่งได้รับข่าวดีมา” อรบอกเสียงร่าเริง
“ข่าวดีอะไร” ทรายสงสัย
“นั่นสิ” ผมเองก็สงสัย

แต่อรยังไม่บอกเสียทีเดียว เธอทำท่าร่าเริงไม่เลิก ผมคิดว่าแป๋วอาจจะหมั่นไส้ไปแล้ว

“จะบอกไม่บอก” แป๋วถาม
“ฉันสอบชิงทุนได้แล้ว”

อรบอกและยิ้มกว้าง แต่หัวใจผมตกวูบเลย สอบชิงทุน....

“ที่จะตามอีตาบอสไปเนี่ยนะ” แป๋วทำคิ้วขมวด “ยังไม่เลิกกันอีกหรอ”
“ปากเสียนะ” อรแว๊ดออกมาทันที “ใครเขาเลิกกัน”
“ทีตอนนั้นยังเห็นร้องไห้ที่เขาบอกเลิกเลย” ทรายเท้าความ
“ดีกันแล้วย่ะ ดีกันตอนปิดเทอมใหญ่”
“ไม่เห็นมีบอก” แป๋วทำหน้าเซ็ง
“แกยังไม่เลิกหวังอีกหรอ”

ผมพูด... พูดหลังจากที่ผมเงียบไปนาน ผมต้องพูด ไม่อย่างนั้นคงดูน่าสงสัย ผมต้องทำเป็นเหมือนไม่คิดอะไร ทำเป็นเหมือนเพื่อนทั่วๆไป ที่กัดกับอรเป็นประจำ

“ใครจะเลิกหวัง มันเป็นความฝันของฉันเหมือนกันนะ” อรทำหน้ายุ่ง “และอีกอย่าง ยังไงฉันก็จะตามบอสไปให้ได้”
“แกไปถึงบอสก็คงเรียนจบแล้ว เขาคงทิ้งแกอีกครั้ง” แป๋วพูดให้กำลังใจสุดๆ
“ไม่มีทางหรอก บอสบอกว่าจะทำงานที่นั่น รอฉันเรียนจบ”
“เชื่อได้หรอ เคยบอกเลิกแกไปแล้วไม่ใช่หรอ” แป๋วยังไม่วาย
“เก็บปากไว้กินข้าวเลยนะ ยัยแป๋ว”
“ฉันว่าบอสต้องเสียใจแน่ๆ” ผมพูด “อุตส่าห์หนีแฟนจอมโวยวายไปได้ตั้งหลายปี”
“ไอ้ปัด” อรหันมาแหวผมบ้าง “เดี๋ยวเถอะนะ แต่ละคน ไม่เห็นจะมีใครยินดีกับฉันเลย”

อรทำหน้างอนเป็นเด็กๆ แล้วเดินขึ้นห้อง ทุกคนหัวเราะ... ผมเองก็หัวเราะ แต่ในใจของผม... คงกำลังร้องไห้อยู่



      ผมเดินกลับมาที่ห้อง ปิดประตู และถอนหายใจยาว อรยังไม่ได้เลิกกับบอส และที่สำคัญ เธอกำลังจะตามบอสไปเรียนต่างประเทศ

เขาสองคนยังเป็นแฟนกัน และที่ผ่านมาทั้งหมด ที่ผมทำดีกับอร ที่อรสนิทกับผม เพราะผมคิดว่าอรเริ่มจะเปิดใจให้ผมแล้ว แต่ไม่ใช่ มันเป็นเรื่องที่ผมคิดไปเองคนเดียว

ผมส่ายศีรษะกับตัวเอง ก่อนจะเดินไปหยุดยืนที่หน้าต่าง มองออกไปด้านนอก น้ำตาผม...ไหลออกมาช้าๆ ห้ามไม่ได้จริงๆ...

แม้ทุกเรื่องจะเป็นเรื่องที่ผมอาจจะคิดไปเองคนเดียว แต่ก็ห้ามไม่ได้ที่จะเสียใจ ทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่ผมคิด

ผมคงต้องกลับไปเป็นเหมือนเดิม... แอบชอบเธอเหมือนเดิม ทั้งที่หัวใจผมมันคิดไปไกลมากกว่านั้นแล้ว แล้วผมจะห้ามใจตัวเองได้อย่างไร จะทำให้ผมรู้สึกน้อยลงได้ยังไง

เมื่อความรัก... มันเกิดขึ้นแล้ว มันไม่มีทางน้อยลง

ยิ่งเป็นความรักที่ไม่มีทางได้ครอบครอง ผมรู้ดีว่า มันจะคงอยู่...และยากที่จะลืม

..............................................................



     1 มกราคม 2554


      ฉลองปีใหม่ครั้งสุดท้ายของผมกับอร แป๋วกับทรายกลับไปบ้านเหลือแค่ผมกับอร ที่ผมกับอรยังอยู่ เพราะพี่อู๊ดจ้างผมให้ไปเล่นที่ร้านวันสิ้นปี

ด้านจำนวนเงินที่ผมกับอรปฏิเสธไม่ลง อรยังต้องเก็บเงินไว้ไปเรียนที่ต่างประเทศ เธอเลยไม่รีรอที่จะตอบรับ และเหมือนอรก็อยากจะอยู่ฉลองกับผมสองคน... ผมคิดไปเองคนเดียวอีกรึเปล่า


      หลังจากเสร็จงาน ผมขี่มอเตอร์ไซด์พาอรไปดูพลุ งานต้องรับปีใหม่ที่จะมาถึงในอีกไม่ช้า บนท้องถนนมีรถมากมาย จุดหมายปลายทางคนเป็นที่เดียวกับพวกผม

“วันนี้คนเยอะเนอะ” อรพูดกับผมจากทางด้านหลัง
“อืม” ผมตอบพร้อมพยักหน้า
“ไปไม่ทันแน่” อรคาดเดา “จะเที่ยงคืนแล้ว”

ผมเองก็เพิ่งรู้ว่าจะเที่ยงคืนแล้ว แบบนี้คงไปไม่ทัน อรชี้มือให้ผมเข้าไปจอดที่ข้างทาง ผมจอด และยังไม่ทันลงจากรถ เสียงพลุก็ดังขึ้น ผมมองไปตามเสียง

ก่อนจะลงจากมอเตอร์ไซด์ กระชับเสื้อหนาวเองไว้ และเดินไปยืนข้างๆอร แล้วมองไปทางพลุที่ถูกจุดขึ้น แสงสว่างวาบ ฉาบใบหน้าผมและอร อรมองพลุและดูท่าสนใจเหมือนเด็กๆ ส่วนผม...ผมหันมองหน้าอร

ใบหน้าใต้แสงสีนวลของไฟถนนยามค่ำคืน รอยยิ้ม...หวานๆของเธอ ทำเอาผมเผลอมองจ้องเธออีกแล้ว ผมมีเวลาที่จะได้อยู่กับอรอีกเพียงไม่นาน...

กับคนที่ผมแอบชอบ... แอบชอบมาตลอดสามปี แอบชอบมาตลอดตั้งแต่ครั้งแรกที่ได้เจอหน้า เรื่องโรแมนติกของแต่ละคนย่อมแตกต่างกันไป

สำหรับของผม... มันจะยังเป็นเรื่องโรแมนติกที่มีผม ที่รู้เรื่องอยู่แค่ฝ่ายเดียว ผมยิ้มออกมาบางๆ หญิงสาวคนนี้เคยรู้ว่าผมชอบเธอ แต่เธอจะรู้บ้างมั้ย ว่าตอนนี้ผมเองก็ยังชอบเธออยู่

ผมหันไปมองพลุ ความตั้งใจหลายอย่างของผม ที่ผมเคยคิดจะทำ ผมก็ไม่ได้ทำแล้ว

“สวยดีเนอะ” อรพูดหลังจากที่ดูพลุจบ
“อืม สวย หนาวด้วย” ผมคิดว่าตอนพูด อาจจะมีไอออกจากปากก็ได้ ยิ่งดึก ยิ่งหนาว
“ปีหน้าเราคงเปลี่ยนที่ฉลองปีใหม่”
“แถมเปลี่ยนคนที่อยู่ฉลองด้วยสิ” ผมหันมอง “ได้อยู่กับแฟนสักทีนะ”

คำพูดมันช่าทิ่มแทงหัวใจผมเสียจริง แล้วผมจะพูดออกไปทำไมกันนะ เพื่อให้อร...ไม่มีทางรับรู้ได้งั้นหรอ ว่าใจจริงผมคิดยังไง

“สามปีแน่ะ ที่ฉันรอจะไปเจอกับเขา”
“สามปีเหมือนกัน” สามปีเหมือนกันที่ผมแอบชอบอร
“สามปีอะไร ปัด”
“สามปีที่ฉันรู้จักกับแกไง”
“นั่นสินะ” อรพยักหน้ารับ ก่อนจะหันมองผม
“กลับกันเถอะ” ผมออกตัวแล้วเดินไปที่รถ
“อืม”

ผมขี่มอเตอร์ไซด์พาอรกลับบ้าน ทางกลับรถโล่งกว่าขามาเยอะ ทำให้ผมขี่เร็วได้ และลมหนาวก็ปะทะกับตัวผมเต็มๆ ผมรู้สึกว่า อรเอนตัวมาพิงผม

“ขี่ช้าๆหน่อยสิ หนาว”
“แกก็เอาตัวฉันบังลมไปแล้วนี่” ผมตอบกลับ
“ก็จริง ตัวใหญ่แบบนี้ บังลมมิดดีเนอะ”
“เพิ่งเห็นประโยชน์ของคนอ้วนหรอ”

ผมถาม อรหัวเราะ แล้วเอาตัวพิงผมไว้ ผมกำลังคิดว่า...ขี่เร็วกว่านี้ดีมั้ย เพื่ออรจะต้องการความอบอุ่นมากกว่าแค่พิงผม... แต่ไม่เอาดีกว่า

เพราะว่า...ถ้าเร็วกว่านี้ หนาวกว่านี้ มือผมที่กำแฮนด์อยู่แข็งแน่ และอาจจะกางไม่ออกเอา

..............................................................



     8 กุมภาพันธ์ 2554


      ผมช่วยอรเก็บของบางอย่างลงลังกระดาษ วันนี้อรเริ่มเก็บของแล้ว เตรียมตัวจะไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ คนอะไร มุมานะสอบชิงทุนไปเจอแฟน... ถึงจะบอกว่าเป็นความฝันของอรด้วยก็เถอะ

แฟนของอรโชคดีมากๆ ที่มีแฟนแบบอร ผมมองอรแล้วก็ยิ้มออกมา ใกล้ถึงเวลาที่จะต้องจากกันจริงๆ และความรู้สึกของผม... มันก็จะเหลือแค่ความทรงจำ

ผมวางลังใบสุดท้ายลงบนลังใบอื่นๆ ก่อนจะถอนหายใจออกมา

“เหนื่อย”
“เดี๋ยวเลี้ยงข้าวน่า บ่นจัง ตัวก็ใหญ่ ช่วยนิดช่วยหน่อยไม่ได้รึไง”
“แค่บ่นคำเดียวว่าเหนื่อยเนี่ยนะ” ผมหันมองอร บ่นผมมากกว่าที่ผมบ่นออกมาอีก

อรยิ้มออกมานิดๆ ก่อนจะมองไปรอบๆห้อง

“แกจะไปจริงๆแล้วหรอเนี่ย” แป๋วมองดูของที่ถูกเก็บจนหมดในห้องของอร
“ฉันคงคิดถึงแกแย่” ทรายเองก็พูดออกมา
“ฉันก็คงคิดถึงพวกแกทุกคน” อรบอกกับเพื่อนๆ รวมทั้งผม
“ฉันคงคิดถึงเสียงโวยวายของแกน่าดู แกไม่อยู่ หูคงโล่งขึ้นเยอะ” ผมบอก
“นี่แกดีใจหรือเสียใจกันแน่ ที่ฉันจะไป ห๊ะ”

อรมองผมเอาเรื่อง ผมหัวเราะร่วน แต่ในใจผมน่ะสิ โหวงๆ เหมือนมันหายไปไหนก็ไม่รู้ หรืออาจจะหายไปพร้อมกับอร...

“ออนเอ็มบ้างนะ” แป๋วบอก
“แน่นอน”
“คงไม่ออนหรอก เอาเวลาไปอยู่กับแฟนมากกว่า” ผมกัดไปอีกหนึ่งดอก

ชอบจริงๆ ชอบทำให้หัวใจตัวเองเจ็บจี๊ดๆ ผมเนี่ย

“บ้า” อรเสียงดัง “ฉันออนแน่ย่ะ”

ผมทำเป็นไม่ใส่ใจ แล้วเดินกลับมาที่ห้อง ถอนหายใจยาว...ไม่ใช่เพราะเหนื่อยกาย แต่เพราะเหนื่อยใจ ผมมองไปที่กีตาร์ของผม...

จะไม่ได้ยินเสียงใสๆจากหญิงสาวหน้าหวานคนนั้นอีกแล้ว วันก่อนเพิ่งไปลาออกจากที่ร้านพี่อู๊ด ผมเองคงต้องก้าวต่อไปในเส้นทางของผม

อรเองก็คงจะก้าวต่อไปในเส้นทางของเธอเหมือนกัน เส้นทางที่มีแค่เธอกับแฟน ไม่มีผมอยู่ในนั้น ก็หวังว่าเธอคงจะมีความสุขดี และคงจะไม่ทะเลาะกับบอสจนต้องร้องไห้แบบวันนั้นอีก

เส้นทางของผม...ถึงจะมีผมอยู่คนเดียว แต่ก็จะมีอรอยู่กับผม... อยู่ในของผม...เสมอไป

คงถึงเวลาที่ผมต้องทำใจจริงๆ ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะมีโอกาสได้บอกความรู้สึกของผมให้อรรู้รึเปล่า หรือมันอาจจะเป็นรักข้างเดียว...ที่ผมรู้มันแค่คนเดียว

..............................................................



     10 กุมภาพันธ์ 2554


     เมื่อชมพูพันธุ์ทิพย์โรยลา การจากลาก็มาถึง


     วันนี้ที่บ้านอรมาขนของอรกลับบ้าน อีกไม่กี่วัน อรก็จะบินไปเรียนต่อที่ต่างประเทศ ผมยืนอยู่ที่หน้าต่าง มองดูคนที่บ้านอรขนของขึ้นรถ

วันนี้แป๋วกับอรมีเรียน วันเสาร์คงจะกลับบ้าน ไปลาอรกันอีกครั้ง ส่วนผมกำลังชั่งใจอยู่ ว่าจะออกไปลาอรเอง หรือให้อรมาบอกลาผม

จะแบบไหน ก็ลำบากใจทั้งนั้น ความรู้สึกทั้งหมดของผมยังอัดแน่นอยู่ในหัวใจเหมือนเดิม

จริงๆผมมีความคิด... ว่าผมอยากจะเขียนไดอารี่ถ่ายทอดความรู้สึกของผมให้อรได้รับรู้ แต่มันดูเป็นหนังเกินไป น้ำเน่าเกินไป ผมทำไม่ลง และผมกลัวว่าอรอาจจะลำบากใจ

ถ้าจะบอกจริงๆ ผมคงบอกปากเปล่าเนี่ยแหละ ไม่ต้องเหลือหลักฐานอะไรให้ตะขิดตะขวงใจ ให้หลงเหลืออยู่แค่ในเศษเสี้ยวความทรงจำก็พอ

แต่จนแล้วจนรอดผมก็ไม่ได้บอก สุดท้าย...ผมอาจจะแอบชอบไปแบบนี้ จนกว่าที่ผมจะพบคนใหม่ หรือจนกว่าที่ความรู้สึกของผมจะค่อยๆสร่างซาลงไปเอง

“ปัด ไม่มีช่วยขนของเลยนะ” อรเปิดประตูเข้ามาโดยที่ไม่ได้เคาะ
“เห็นพี่เธอมาช่วยตั้งสองคน ไปเกะกะเปล่าๆมั้ง” ผมอ้างไปเรื่อย ทำใจไม่ได้เหอะ ที่จริงแล้ว
“ไม่อยากช่วยมากกว่า”
“เปล่าสักหน่อย”

ผมยักไหล่ ก่อนจะมองหน้าอร ยิ้มออกมาเล็กน้อย ยิ้มกลบเกลื่อนความเศร้า

“โชคดีแล้วกันนะ” ผมบอกกับอร
“เล่นกีตาร์ให้ฟังหน่อยสิ” อรขอผม
“อยากฟังเพลงอะไรล่ะ จะร้องหรอ”
“ให้ปัดร้อง”
“เฮ้ย เราเนี่ยนะ” ผมชี้หน้าตัวเอง
“อืม”
“บ้า ไม่เอาอ่ะ เราร้องไม่เพราะ”
“ครั้งนึงน่า ถือเป็น ของขวัญที่ต้องจากกัน ได้มั้ยล่ะ”
“เอ่อ...”

ผมชั่งใจอยู่นานเลย จะฟังเสียงของผมเนี่ยนะ

“นะ ไม่เคยได้ยินปัดร้องเพลงเลย”

เอาก็เอา พิเศษเฉพาะอรเลยนะเนี่ย ผมไปนั่งที่เตียง หยิบกีตาร์ขึ้นมา นึกเพลง... นี่อาจจะเป็นครั้งแรกที่และครั้งสุดท้ายที่อรจะได้ยินเสียงผมร้องเพลง และนี่ อาจจะเป็น...ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่ผมจะได้บอกความในใจของผม... ผ่านเพลง

เสียงกีตาร์เริ่มขึ้น... ผมก้มมองนิ้วผมที่ไล่ตัวโน้ตให้กลายเป็นเสียงเพลง ก่อนจะเริ่มต้นร้องเพลง



      “อาจยังไม่เห็น ว่ารักมากมาย อาจยังสงสัย กับคนๆนี้ อาจยังไม่เห็น สายตา แห่งความหวังดี แต่เธอคงจะเข้าใจมันสักวัน...”


ผมเงยหน้ามองอร อรมองมาที่ผมเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้ขัดอะไร


      “อาจมีใครๆที่เขาดีกว่า อาจจะมีคนที่เธอใฝ่ฝัน แต่จะมีใครให้เธอ หมดใจอย่างฉัน
และมันจะมีให้เธอเพียงคนเดียว”


อาจจะไม่เพราะ... สำหรับใคร แต่ผมตั้งใจร้องให้อร คงจะรับรู้ทุกๆอย่างผ่านเนื้อเพลง อรมองผม...ด้วยสายตาที่ต่างไปจากเดิม ผมเองก็มองอรด้วยสายปกติของผม ที่ผมต้องซ่อนมันเอาไว้


      “อยู่มาจนวันนี้ เพื่อเจอเธอ... จะอยู่เพื่อนเธอตลอดไป
      จะเอาความรักที่มีเก็บไว้...เพื่อรอคอยวันที่เธอมองผ่านมา
      อาจจะมีเวลาที่เธอต้องการ...”


ผมสูดหายใจเข้าเต็มปอด นี่คือความรู้สึกของผม ผมรักอร และยังรักอยู่อย่างนั้น ไม่สำคัญว่าอรจะรักหรือไม่รักผม ผมเพียงแค่รู้ว่า... ผมดีใจที่รักเธอ และแม้ว่าจะไม่มีวันที่เธอจะรักผมได้... ผมก็พร้อมจะเข้าใจ


      “อีกนานแค่ไหน รักนี้ก็ยังอยู่ อยู่เป็นรักแท้เพื่อเธอเท่านั้น ด้วยใจที่พร้อมให้เธอ จากคนอย่างฉัน กับวันเวลาที่ยาวนาน... คงจะพอให้รอเธอ... และคงจะทำให้เธอ...ได้รู้”


คงรู้แล้วหละ ผมไล่โน้ตจนจบเพลง ก่อนจะมองสบตาอร เธอมองผม ก่อนจะสูดหายใจเข้าเต็มปอด ต้องรับรู้เรื่องแบบนี้ ผมเข้าใจว่ามันหนักหนา และอาจจะ...มองผมแบบเพื่อนไม่ได้แล้ว

อรยิ้มออกมาเล็กน้อย แล้วส่ายศีรษะ

“ยังไม่เลิกคิดอีกหรอ” อรถาม
“ก็...ความรู้สึกมันเปลี่ยนยาก ไม่ให้บอกว่าชอบน่ะได้ แต่ให้ตัดใจน่ะยาก”

อรไม่ได้พูดอะไรต่อนอกจากยิ้ม

“แกบอกให้ฉันเล่นให้แกฟังเองนะ” ผมพูดออกมา ไม่รู้ทำให้อรลำบากใจรึเปล่า
“ไม่ได้บอกให้แกร้องเพลงนี้ให้ฟังสักหน่อย” อรทำหน้ายุ่ง “แต่ก็ ขอบใจนะ”
“อืม” ผมวางกีตาร์ลง และลุกขึ้น “ยังไง...คนอ้วนก็กอดอุ่นนะ”
“ไม่วาย” อรหัวเราะออกมาจนได้ ผมเองก็ยิ้มๆ
“เดี๋ยวเดินลงไปส่ง”

ผมเดินออกจากห้องไปพร้อมกับอร ผมสบายใจนะที่ได้บอก แม้อรไม่ได้ตอบรับความรู้สึกกลับมาแบบเดียวกับผม แต่ผมก็พอใจแล้ว

มาถึงหน้าบ้าน ผมยืนอยู่ตรงนั้น กับอร ใต้ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ ที่ผลัดดอกลงมา

“การจากลามาถึงจนได้” ผมมองดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ที่ร่วงเต็มพื้น
“ไม่เคยมองต้นชมพูพันธุ์ทิพย์แล้วรู้สึกเหงาเท่านี้เลย”

ผมเองก็รู้สึกอย่างที่อรพูด ยิ่งคนที่จากไป เป็นคนที่ผมรัก...

“คงไม่ได้ไปส่งที่สนามบินนะ แค่นี้ก็ เต็มที่แล้ว” ความรู้สึกผมน่ะ สะกดกลั้นเต็มที่แล้ว ต้องทำอีกเป็นครั้งที่สอง... ผมต้องตายแน่ๆ
“อืม แต่อย่าคิดมากเกินไปล่ะ ชีวิตก็เหมือนต้นชมพูพันธุ์ทิพย์แหละ ถึงวันนี้ออกดอกมาแล้ว ดอกมันจะร่วงจนหมดต้น แต่ปีหน้ามันก็จะออกดอกมาใหม่ ไม่มีอะไรที่หายไปแล้วหายไปเลยหรอกนะ”

ผมพยักหน้า และกัดกรามตัวเองเอาไว้ จะไม่เสียน้ำตาต่อหน้าอรเด็ดขาด ผมพยายามยิ้ม อรเองก็ยิ้ม แล้วสวมกอดผม

“ดีใจที่ได้เราสองคน...ได้รู้จักกันนะ” อรกระซิบบอกผมเบาๆ
“เหมือนกัน”

ผมพูดแค่นั้น เพราะผมต้องสะกดกลั้นน้ำตาเอาไว้ อรคลายกอด และเดินออกจากบ้าน โบกมือลาให้ผม ผมยกมือตอบ และมองดูอรขึ้นรถไป

น้ำตาไหลออกมาจนได้ ทำเป็นแหงนหน้ามองฟ้า คงต้อง...เตรียมพร้อมรับความรู้สึกแห่งการจากลา...

เปลี่ยนเป็นก้มลงมองพื้น ย่อตัวลง เก็บดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ขึ้นมา...

หวังว่าเราสองคนคงมีโอกาส... ได้พบกันใหม่


..............................................................










     14 กุมภาพันธุ์ 2558



      สี่ปีมาแล้ว ที่ผมไม่ได้เจอกับอร คุยกันในเมลครั้งสุดท้าย เธอบอกผมว่าเธอเรียนจบแล้ว อาจกลับมาทำงานที่ไทย ส่วนเรื่องชีวิตรัก อรก็ไม่ได้บอกกับใครอีกตามเคย ผมก็เลยไม่รู้ว่าอรกับบอสเป็นยังไงบ้าง

ส่วนความรักของผม แย่หน่อยตรงที่ผมยังไม่เจอใครที่ถูกใจได้เท่ากับอร ไอ้ความรู้สึกแอบชอบใครบางคนของผม มันก็เลยยังอยู่ ไม่ยอมหายไปเสียที

ตอนนี้ผมทำงาน ในสถานีข่าวสถานีหนึ่ง หลังจากที่ออกมาทำสกู๊ปวาเลนไทน์เสร็จแล้ว ผมก็โต๋เต๋อยู่แถวนี้สักพัก

ไม่ได้กลับไปเชียงใหม่นานมาก ผมกำลังคิดว่าเดือนเมษา ช่วงสงกรานต์ผมจะกลับไปที่นั่นอีกสักครั้ง ไปหาพี่อู๊ดด้วย เผื่อว่าจะได้กินเหล้าฟรี ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าร้านของพี่อู๊ดยังอยู่รึเปล่า หวังว่าคงยังไม่ปิดไปนะ



      ผมแวะมาที่ร้านกาแฟ ซื้อกาแฟแล้วมานั่งดื่มนอกร้าน มองดูเด็กนักเรียนเดินไปมากันเป็นคู่ๆ ถือดอกไม้ ถือตุ๊กตากันเกือบทุกคน วันวาเลนไทน์นี่นะ คนมีความรักก็คงมีความสุข

และถึงไม่สมหวังในความรัก แต่ก็เลือกที่จะอยู่กับรักอย่างมีความสุขได้...แบบผม ตอนแรกผมคิดว่าผมอาจจะหลอกตัวเอง แต่...ผมเองก็มีความสุขดีที่ได้รัก และคิดถึงใครคนหนึ่ง

ผมหยิบโปสการ์ดใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋า เป็นรูปหอนาฬิกาที่ทั่วโลกรู้จักเป็นอย่างดี โปสการ์ดฉบับนี้ถูกส่งมาเมื่อวันปีใหม่ ผมอ่านข้อความในนั้นอีกครั้ง

“สบายดีมั้ย ปัด ตอนนี้เราใกล้เรียนจบแล้ว กำลังคิดอยู่ว่าอยากกลับไปทำงานที่ไทย คิดถึงบ้านน่ะ ไว้กลับถึงไทยยังไง แล้วจะติดต่อไปหานะ ปีนี้ต้นชมพูพันธุ์ทิพย์จะสวยเหมือนเดิมรึเปล่า อยากกลับไปเห็นจัง”

ผมยิ้มกับโปสการ์ด และมองออกไปเรื่อยๆ สองข้างถนนเต็มไปด้วยต้นชมพูพันธุ์ทิพย์ มันเริ่มออกดอกและเริ่มร่วงหล่นอีกครั้ง คนกวาดถนนคงเครียดไม่ต่างจากผมตอนอยู่ที่บ้านเช่าหลังนั้น

ยังไม่ทันที่ผมจะคิดอะไรต่อ... สายตาหยุดอยู่ที่ใครบางคน.... ผมเห็นเธอจากที่ไกลๆ เดินกันมาเป็นกลุ่ม ถ้าผมจำไม่ผิด

“อร” ผมพูดกับตัวเองในใจ

เธอหันมองมาที่ผม เราสองคนได้สบตากัน เธอยิ้ม และผมก็ยิ้ม

ดอกชมพูพันธุ์ทิพย์ดอกหนึ่งร่วงหล่นลงบนโต๊ะ สัญลักษณ์ของการจากลา... และการพบกันใหม่

ถึงวันนี้จะต้องจากลา... แต่วันข้างหน้าคงได้พบกันใหม่...

ผมจบบันทึกที่แสนยาวนานของผม... พร้อมๆกับเรื่องโรแมนติก ที่ผมอยากจะให้เกิดขึ้นกับผม...อีกสักครั้ง ผมก็ไม่ได้คาดหวังหรอกว่าเรื่องราวของผมจะลงเอยที่รัก...หรือไม่รัก แค่ผมได้รัก...นั่นก็เพียงพอแล้ว


..............................................................




เครดิต :
เพลง เพื่อเธอตลอดไป
ศิลปิน อินคา



ความรัก...สวยงามเสมอนะครับ ^^


แล้วเจอกันเรื่อง Remember ME ครับผม      

By : TepiN    / 12 Feb 2012 21:52

 เหตุผลที่แจ้งลบ :  

 ชื่อผู้แจ้งลบกระทู้ :




www.narak.com | ทอมดี้น่ารัก | บ้านทอมดี้ | น่ารักบอร์ด | ecard.narak.com | IRC Sever | Thai IRC | ห้องคุยสด

งาน หางาน งานราชการ งานรัฐวิสาหกิจ งานสถานศึกษา งานบริษัท หวย | ตรวจหวย สถิติหวย ตรวจสลาก

เกม เกมส์



Code by Moha