DVD UP 2 U




ลบกระทู้ หมายเลข : 488929

 หัวเรื่อง : Oo+++ Melody of Love ทำนองรัก...จังหวะหัวใจ+++oO ตอนที่ 30

 ข้อความ :

ตอนที่ 30 : รักฉบับหวาน(?)...คืนเร่าร้อน

สองร่างที่เดินเคียงข้างกันมาในเวลาเกือบบ่าย2โมง เรียกเสียงแซวจากจากบรรดาเพื่อนฝูงที่นั่งรอบริเวณห้องอาหารของโรงแรมได้ทันที ภีมที่เห็นเพื่อนๆไม่ยอมหยุดแซวจึงเปลี่ยนจากแค่จับมือคนรักเป็นรั้งเอวบางเข้ามาแนบชิด โชว์ความหวานให้มากกว่าเดิม

“พอๆ...หยุดแซวเลย ไม่เคยเห็นคนรักกันรึไงวะ” ภีมบ่นทันทีที่เดินมาถึงโต๊ะ

“ไอ้คนรักกันนะเคยเห็น แต่รักกันจนบ่ายแบบนี้เพิ่งจะเคยเห็นจะๆว่ะ” โก้เริ่มเปิดประเด็นก่อนใคร

“ใช่ๆ ได้ข่าวว่าป่วยอยู่ไม่ใช่เหรอ เจ็บอยู่ด้วยนี่ ปากก็ยังช้ำอยู่เลยนะ หักโหมไปป่าววะ ฮะฮะฮะ” เมย์แซวตามทันที ภีมยักไหล่ไม่สนใจแต่คนที่เขินกลับเป็นนางเอกสาวแทนที่ตอนนี้หนีไปนั่งข้างๆพี่มินนี่ให้ภีมต้องรีบตามไปนั่งใกล้ๆ

“อยากแซวอะไรก็แซวไป ตอนนี้ขอเติมพลังก่อนละกัน แล้วเดี๋ยวค่อยคิดบัญชีกับพวกแกทุกคน” ภีมกวาดสายตาไล่มองเพื่อนๆทีละคนให้สะดุ้งไปตามๆกัน ก่อนจะหันไปสนใจสั่งอาหารให้ตัวเองและคนรัก

“ซวยแล้ว แกเลยไอ้นก เจ้าแผนการดีนัก” ปันกระซิบต่อว่านก เพื่อนๆต่างก็รู้กันดีว่าลองภีมมองด้วยสายตาแบบนี้ มันเอาจริง

“อะไรวะ โทษชั้นคนเดียวได้ไง พวกแกก็ร่วมมือกันหมดนี่ ช่วยๆกันรับผิดชอบดิ” นกสวนกลับ เรื่องอะไรจะให้เธอรับคนเดียว เพื่อนๆเริ่มคุยกระซิบกระซาบกัน นัทได้แต่นั่งมองอาการของแต่ละคนที่ดูจะกลัวๆคนรักของเธอ

“ภีมคะ ภีมจะทำอะไรเพื่อนเหรอคะ ไม่เห็นต้องทำให้เป็นเรื่องใหญ่เลย ดูแต่ละคนสิคะ กลัวภีมกันใหญ่เลย” นัทกระซิบภีมที่นั่งทำหน้านิ่งอยู่

“ไม่ได้จะทำอะไรหรอกค่ะ แค่แหย่พวกมันเล่นนะ สนุกดี” ภีมส่งยิ้มให้นัทก่อนจะหันไปส่งสายตาดุๆให้เพื่อนๆ

หลังจากภีมและนัททานอาหารเสร็จเรียบร้อย บรรยากาศบนโต๊ะก็เงียบสนิท ดั่งคณะจำเลยรอฟังคำตัดสินของศาลว่าโทษที่ได้รับจะหนักหนาแค่ไหน

“เงียบกันทำไม ใครจะสารภาพอะไรก็เล่ามา...ไอ้นก” ภีมแกล้งเก๊กหน้านิ่ง และเอ่ยชื่อบุคคลที่คาดว่าจะเป็นเจ้าของแผนการทั้งหมดให้เจ้าของชื่อได้สะดุ้งเล่น

“เฮ้ย...ชั้นทำทุกอย่างก็เพื่อความสุขของแกนะเว้ย ไม่ได้ทำเรื่องอะไรไม่ดีซะหน่อย แผนนี้ไม่ใช่ชั้นคิดคนเดียวด้วย ไอ้เมย์ ไอ้โก้ ไอ้ปัน ก็ช่วยคิดนะ” นกรีบพาดพิงบุคคลที่สอง สาม สี่ ไหนๆจะตายก็ขอตายหมู่ละกัน

“เฮ้ยไรวะ พวกชั้นไม่เกี่ยว แกคิดคนเดียวเลย ชั้นแค่ร่วมมือตามแผนแกเฉยๆนะเว้ย” เมย์รีบเอาตัวรอดจากสถานการณ์

“อ้าวเมย์ ไหงพูดงี้วะ แกนั่นแหละตัวดีเลย เสนอแผนให้ยัยแพทตามมาด้วย อย่ามาปัดให้ชั้นหมดดิวะ” นกกับเมย์เริ่มเถียงกัน ส่วนภีมก็ได้แต่แอบขำเพื่อน

“ไอ้โก้เลย เสนอให้ตามไอ้โอมมาด้วย เป็นไงล่ะวงแทบแตก” เมย์โบ้ยไปทางเพื่อน ไหนก็โดนแล้ว ลากเข้าวงให้หมดเลยละกัน

“เอ้า...อะไรวะ ไม่ว่าไอ้ปันมันบ้างล่ะ ที่เชิญป๊ากับม๊ามาร่วมพิธีจริงๆ ให้จัดงานหมั้นจริงๆไปเลยอ่ะ” โก้โยนไปทางหมอปันให้สะดุ้งบ้าง

“จะเถียงกันอีกนานมั้ย ชั้นไม่ได้ว่างมานั่งรอพวกแกทะเลาะกันทั้งวันหรอกนะเว้ย” ภีมแกล้งตะโกนขึ้นทำเอาเงียบสนิททั้งโต๊ะ เพราะนานๆครั้งภีมถึงจะเสียงดังใส่เพื่อนๆ แต่ละคนหน้าเจื่อนจืดสนิท ต่างก็คิดในใจว่างานนี้ภีมท่าจะโกรธจริง ซวยแล้วมั้ยละ นัทที่มองหน้าสำนึกผิดของทุกคนแล้วชักจะทนไม่ไหว ในเมื่อตัวต้นเหตุยังแกล้งเก๊กหน้านิ่งอำเพื่อนๆไม่เลิก คงต้องเป็นเธอที่จะยุติการแสดงของคนรักลง นัทจึงลุกขึ้นยืนและทำท่าจะเดินออกไปจากโต๊ะให้ภีมต้องรีบคว้าข้อมือบางไว้ด้วยความตกใจ

“จะไปไหนคะ” ภีมถามเสียงหวานลืมมาดเก๊กขรึมชั่วคราว สายตาเต็มไปด้วยความสงสัยกับการกระทำของคนรัก

“จะออกไปเดินเล่นค่ะ ถ้าภีมยังสนุกอยู่กับการได้แกล้งเพื่อนๆก็ตามสบายนะคะ นัทขอตัวก่อนดีกว่า” นัทแกะมือของภีมออกและเตรียมก้าวเดินไปด้านนอก ให้ร่างสูงต้องรีบลุกขึ้นและคว้าเอวบางมากอดไว้แนบกาย

“เดี๋ยวสิคะ อย่าเพิ่งไปสิ...โอเคๆ ไม่เล่นแล้วก็ได้” ภีมที่เห็นคนรักเริ่มจะงอนจริงๆจำต้องยอมยกเลิกการแกล้งเพื่อนๆไว้เพียงเท่านี้ทั้งๆที่กำลังสนุกอยู่เลยเชียว

“นี่ แกหลอกอำพวกเราเหรอวะ” นกที่ได้สติก่อนใครเพื่อนแทบจะลุกขึ้นมาชี้หน้าไอ้เพื่อนตัวแสบ นี่พวกเธอโดนภีมอำอีกรอบแล้วหรือนี่

“เอ้า ช่วยไม่ได้ พวกแกยอมให้อำเองนี่หว่า นี่แหละน้า วัวสันหลังหวะ แค่มีแมลงวันแมลงหวี่มาตอมหน่อยก็สะดุ้งกันเป็นแถบๆแล้วอ่ะ” ภีมอธิบายได้กวนมาก

“ไอ้ภีม” เมย์ที่ชักจะทนความกวนของเพื่อนไม่ไหวลุกขึ้นเดินมาหาภีม แต่ก็ต้องชะงักเมื่อภีมชี้นิ้วมายังตัวเค้า

“อะไรๆ เห็นแก่ที่พวกแกช่วยให้ชั้นได้หมั้นกับนัทเค้าเร็วขึ้นนะเว้ย ไม่งั้นโดนแล้ว...แต่ตอนนี้ขอเวลานอกแป๊บ ขอพาที่รักไปง้อแบบส่วนตัวก่อนนะ” ภีมไม่สนใจอาการของคนรักที่พยายามขืนตัวเอาไว้ออกแรงรั้งร่างบางให้เดินออกไปด้วยกัน

“เฮ้ย แกเพิ่งออกจากห้องมาได้ไม่ถึง 3 ชั่วโมงเลยนะ จะพาเจ้าสาวเข้าหออีกแล้วเหรอวะ” ปันรีบเอ่ยแซวเพื่อน ก่อนจะรีบหลบกล่องทิชชู่ที่อีกคนส่งมาให้เป็นรางวัลแบบเฉียดศีรษะไปนิดเดียว

“พาไปเดินเล่นริมชายหาดเว้ย พวกแกนี่...นัทคะจะขืนตัวทำไมคะเนี่ย ถ้าไม่เดินดีๆ ภีมอุ้มนะ” ภีมแก้ตัวกับเพื่อนๆ ก่อนจะหันมากระซิบที่ริมใบหูของคนรักพร้อมหอมแก้มนวลไปหนึ่งฟอด

“ภีม...” นัทตกใจรีบใช้สองมือดันกายของคนรักให้ออกห่าง แม้วันนี้แขกที่มาทานอาหารจะไม่ได้พลุกพล่าน แต่ก็ใช่ว่าจะจำทั้งคู่ไม่ได้

“จ๋า...เรียกทำไมคะคนดี” รอยยิ้มที่ประดับบนใบหน้าของคนรักทำให้คำพูดที่จะต่อว่าถูกกลืนลงคอไปโดยปริยาย

ใบหน้าแดงๆเพราะเขินอายของนัทยิ่งทำให้ภีมมีความสุข ยิ่งนัทหลบสายตาภีมก็ยิ่งชอบใจ

“ไม่คุยด้วยแล้ว...ปล่อยเลย นัทจะไปเดินเล่นคนเดียว” ร่างบางสะบัดตัวจนหลุดก่อนจะรีบเดินหนีไป

“อ้าว...รอพี่ด้วยสิคะ” ภีมรีบวิ่งตามคู่หมั้นไปและจับจูงมือให้เดินไปด้วยกันโดยไม่สนใจสายตาของใครๆที่ต่างก็มองมาด้วยความอิจฉาในความเหมาะสมของทั้งคู่


“ไงล่ะ พี่เรา แสบมั้ยละไอซ์ นี่แหละไอ้ภีมตัวจริงเสียงจริงเลย” เมย์หันไปคุยกับคนรักที่ยังคงงงๆ ปรับอารมณ์ตามแทบไม่ทัน

“แสบแค่ไหนก็ดูท่าจะมีคนปราบซะอยู่หมัดเลยนะ ดูดิ” นกชี้ให้เพื่อนๆหันไปดูภีมที่กำลังเดินไปบนชายหาดโดยมีนัทขี่หลังไปด้วย





“เหนื่อยมั้ยคะเนี่ย” นัทโน้มใบหน้าถามคนรักที่กำลังกลายร่างเป็นม้าให้เธอขี่หลังอยู่ เมื่อเห็นว่าระยะทางที่เดินมา ไกลจากโรงแรมที่พักพอสมควร

“ไม่เหนื่อยค่ะ ให้ภีมแบกนัทเดินไปจนสุดหาดตรงนู้นยังได้เลยนะ” ภีมตอบพร้อมแกล้งวิ่งเหยาะๆให้คนบนหลังตกใจเล่น

“ว้าย หยุดเลยนะ แกล้งกันใช่มั้ยคะเนี่ย ปล่อยเลย นัทจะลงเดินแล้ว” นัทตีไหล่ร่างสูงให้ค่อยๆปล่อยเธอลงเดินบนพื้นทราย ทันทีที่เท้าเปล่าได้สัมผัสกับทรายนุ่มๆ ความรู้สึกสบายและอิ่มเอิบกับภาพและบรรยากาศช่วงพระอาทิตย์ใกล้ลาลับขอบฟ้าแบบนี้ก็ทำให้นัทมีความสุขมากมาย ร่างบางยืนมองพระอาทิตย์ที่ใกล้จะแตะกับขอบทะเลตรงหน้าสวยงามดั่งภาพในนิตยสารแนะนำการท่องเที่ยวแบบที่เธอเคยเห็นบ่อยๆ แต่การได้มาเห็นด้วยตาตัวเองแบบนี้มันสวยงามจนเกินบรรยายจริงๆ ยิ่งมีอ้อมกอดของคนรักที่โอบกอดเธอไว้ทั้งตัวจากด้านหลังแบบนี้สร้างความอบอุ่นในหัวใจจนไม่เคยคิดไม่เคยฝันว่าวันนึงเธอจะได้พบกับความสุขแบบนี้

“หาดที่นี่สวยดีนะคะ” นัทเอนหลังซบกับอกของคนรักที่กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

“สวยค่ะ แต่สวยน้อยกว่าคนที่ภีมกำลังกอดอยู่ตอนนี้นะ” ภีมกระซิบที่ริมใบหูของคนรักที่ค่อยๆแดงขึ้นตามอารมณ์เขินของเจ้าของ

“อย่าชวนพูดเล่นสิคะ นัทกำลังดื่มด่ำกับความสวยงามของธรรมชาติอยู่นะ ไม่ได้อยากเลี่ยนกับคนปากหวานแถวนี้ซะหน่อย” ร่างบางแกล้งดุคนรักกลบเกลื่อนความเขินจากคำพูดของอีกคน

“อ้าว พูดจริงนะคะเนี่ย ก็เมียภีมสวยจริงๆนี่นา” คำเรียกจากภีมยิ่งทำให้นัทเขินอายเข้าไปใหญ่ ตอนนี้หน้าแดงจนลามไปถึงใบหูแล้ว

“ภีม...บ้า ไม่คุยด้วยแล้ว” ร่างบางพยายามเบี่ยงตัวให้หลุดจากอ้อมกอดของภีมแต่ก็ไร้ผล เมื่ออีกคนกลับกระชับให้มันแน่นขึ้นกว่าเดิม

“เดี๋ยวสิคะ เขินเหรอ ไม่เห็นต้องเขินเลย ตอนนี้เราเป็นคู่หมั้นกันแล้วนะ อีกหน่อยก็แต่งงานกัน ภีมซ้อมเรียกไว้ก่อนไม่ดีเหรอคะ นัทจะได้ชินไงจ๊ะ เมียจ๋า” ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ภีมที่เห็นคนรักเขินอายยิ่งแกล้งให้อายหนักขึ้นไปอีก

“หยุดเรียกแบบนี้เลยนะ” นัทพลิกตัวหันกลับมาเผชิญหน้ากับคนรักก่อนจะเอานิ้วชี้แตะที่ริมฝีปากของภีมไว้ให้หยุดเอื้อนเอ่ยถ้อยคำนั้นเสียที เปิดโอกาสให้อีกคนจับมือบางนั้นมาบรรจงจูบเบาๆที่ปลายนิ้วชี้ข้างนั้น

“แค่นี้ทำให้ภีมหยุดพูดไม่ได้หรอกนะคะ ภีมเป็นคนโลภนะ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์และสายตาแพรวพราวที่มองริมฝีปากของเธอทำให้นัทเข้าใจความต้องการของอีกคนได้ไม่ยากเลย ยิ่งร่างสูงโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้แบบนี้ เธอเลยต้องรีบดันใบหน้าของคนรักไว้ด้วยสถานที่ตอนนี้เป็นชายหาดโล่ง แม้จะไร้ผู้คนก็เถอะ แต่มันก็อายเกินจะทำอะไรแบบนี้ได้

“ไม่เอาค่ะ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” นัทพยายามขืนตัวไว้แต่ก็ทำได้ยากเต็มทีเมื่ออีกคนก็ไม่ยอมปล่อยให้โอกาสนี้หลุดลอยไปง่ายๆ

“เริ่มมืดแล้วนะคะไม่มีใครเห็นหรอก นะคะ ภีมเคยฝันนะว่าถ้ามีคนรักก็อยากจะมีฉากโรแมนติกแบบจุมพิตกันริมทะเลแบบนี้บ้าง นะ นะคะคนดี ” ภีมอ้อนวอนทั้งทางคำพูดและสายตา ในสถานการณ์แบบนี้หากเค้าจะฉวยโอกาสกับอีกคนก็ทำได้ไม่ยากเลย แต่ภีมอยากให้มันเกิดขึ้นจากความยินยอมพร้อมใจกันทั้งสองฝ่ายมากกว่าจะได้เก็บเป็นภาพความทรงจำดีๆระหว่างกัน

ฝ่ายนัทที่มองสบตากับคนรักก็ได้แต่ถอนหายใจให้กับความใจอ่อนของตัวเอง เป็นอีกครั้งใช่มั้ยที่เธอต้องพ่ายแพ้ให้กับคำอ้อนวอนและสายตาคู่นี้ สายตาที่บ่งบอกถึงความรักและความต้องการที่มีมากมายจนสัมผัสได้

“อื้ม...” เพียงแค่เธอหลับตาลงดั่งเป็นสัญญาณการอนุญาตให้ภีมได้ทำตามที่ใจปรารถนา ร่างสูงก็ไม่รอช้าก้มลงไปค่อยๆแตะริมฝีปากของตนลงบนริมฝีปากบางเพียงแผ่วเบา ไม่ได้เร่งเร้าเอาแต่ใจอย่างที่แล้วๆมา ส่งผ่านทุกความรู้สึกและซึมซับความรักที่ตอบกลับมาจากอีกคนเช่นกัน ภีมถอนริมฝีปากออกอย่างช้าๆ สบตากับคนในอ้อมกอดที่รักจนหมดหัวใจ รักจนไม่คิดว่าในชีวิตจะรักใครได้มากเท่านี้นอกจากคนในครอบครัว เป็นผู้หญิงเพียงคนเดียวที่ทำให้เค้ายอมทำทุกๆอย่างเพื่อให้พร้อมจะรับผิดชอบและดูแลเค้าไปตลอดชีวิต

“รักนะคะ” ความรู้สึกที่อัดแน่นอยู่ภายในผลักดันให้ภีมเอื้อนเอ่ยคำหวานออกไป

“รู้แล้วค่ะ” สายตาของอีกคนที่มองมาทำให้นัทเขินอายจนต้องแกล้งหันหน้าไปมองทะเลแทน เปิดโอกาสให้ภีมสอดแขนโอบกอดจากทางด้านหลังและรั้งให้ร่างบางแนบชิดลำตัวมากขึ้น

“ขอบคุณนะคะ ขอบคุณที่เข้ามาในชีวิตของคนคนหนึ่งที่มันขาดๆเกินๆ และช่วยเติมเต็มในส่วนที่ขาดหายไปให้มันสมบูรณ์ ขอบคุณที่ทำให้ภีมมีความสุขและได้สัมผัสกับคำว่ารักอีกครั้ง ในวันข้างหน้าภีมก็ไม่รู้ว่าเรื่องราวระหว่างเรามันจะเป็นยังไง จะรักกันนานแค่ไหน ภีมคงรับปากและให้สัญญากับนัทไม่ได้ว่าจะรักนัทตลอดไป” ภีมแกล้งเว้นช่วงการพูดไว้แค่นี้ ส่งผลให้ร่างบางหันขวับมามองหน้าพร้อมสายตาดุและเริ่มดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของคนรัก

“ปล่อยเลยนะ” คนขี้งอนเริ่มออกอาการตามที่ภีมคาดไว้ไม่มีผิด ยิ่งร่างบางดิ้น เค้าก็ยิ่งรัดวงแขนให้แน่นขึ้น

“เดี๋ยวสิคะ ภีมยังพูดไม่จบเลยนะ" ภีมอมยิ้มมองใบหน้าของอีกคนที่เริ่มตูม ก่อนจะก้มลงไปกระซิบถ้อยคำที่เหลือใกล้ๆใบหูของคนรัก

“ที่ภีมไม่สัญญาว่าภีมจะรักนัทตลอดไป เพราะอนาคตไม่มีใครรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น และแค่คำพูดมันยืนยันอะไรไม่ได้ การกระทำต่างหากที่จะช่วยยืนยันทุกความรู้สึกที่เรามีให้กัน ในทุกๆวันที่เรายังอยู่ด้วยกันภีมสัญญาว่าจะดูแลนัทให้ดีที่สุดและทำให้นัทมีความสุขจนกว่าจะถึงวันใดวันนึงที่นัทจะไม่อยากใช้ชีวิตร่วมกันกับภีมแล้ว” นิ้วเรียวยาวรีบแตะริมฝีปากของภีมหยุดคำพูดที่เหลือเอาไว้

“อย่าพูดอย่างนี้สิคะ นัทเคยบอกแล้วไง ว่าจะอยู่เคียงข้างภีมเสมอ ไม่ทิ้งกันไปไหน” นัทเงยใบหน้าสบตากับคนรักสื่อความรู้สึกผ่านทางคำพูดและสายตา

“ภีมแค่พูดเผื่อไว้ ขอบคุณนะคะที่ทำให้ภีมเป็นคนที่โชคดีที่สุดที่มีนัทอยู่เคียงข้าง ขอบคุณที่รักกันนะ” ภีมใช้นิ้วเขี่ยปอยผมที่ตกลงมาปกปิดใบหน้างามออกไปให้พ้นทาง ก่อนจะค่อยๆโน้มใบหน้าคมลงไปหาคนในอ้อมกอดอีกครั้ง





“นี่กะจะอยู่กี่วันกันเนี่ย ไม่ทำงานทำการกันบ้างเหรอไง” ภีมถามเพื่อนๆที่นั่งทานอาหารทะเลอยู่ริมชายหาดหน้ารีสอร์ท มีพนักงานของรีสอร์ทยืนปิ้งบาร์บีคิวและทะเลเผาอยู่ใกล้ๆ เป็นปาร์ตี้ริมหาดที่เมย์จัดขึ้นเพื่อฉลองงานหมั้นให้ภีมกับนัทในค่ำคืนนี้

“มี แต่ฝากคนอื่นดูแล ทำไมพวกฉันจะพักผ่อนบ้างไม่ได้เหรอวะ” เมย์ตอบกวนกลับมา มือก็คอยแกะกุ้งให้คนรักทาน

“ใช่ นานๆจะได้อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาสักที จะรีบไล่พวกเราทำไม กลัวเป็น กขค คุณพี่กับคู่หมั้นเหรอคะ อยากจะทำอะไรกันก็ทำไปสิ พวกเราไม่ถือ” นกได้ทีช่วยเสริมอีกแรง

“ถามแค่นี้บ่นเป็นคนแก่กันไปได้นะพวกแก อยากอยู่ก็อยู่ไปสิ รีสอร์ทก็ของแก วันหยุดวันลาก็ของพวกแก ไม่เกี่ยวกับฉันสักหน่อย ส่วนเรื่อง กขค ไม่ต้องห่วงเลย พวกแกอยู่หรือไม่อยู่เราก็สวีทกันได้ ใช่มั้ยคะ” ภีมหันไปยิ้มพลางรั้งร่างของนัทที่กำลังจะลุกเดินไปหยิบอาหารมาเพิ่มให้นั่งลงบนตักและวาดแขนโอบรอบเอวบางกันหนีเอาไว้

“ภีม...ปล่อยเลยนะ อายเค้าบ้างสิคะ” นัทพยายามดันตัวออกแต่ยิ่งดิ้นอีกคนก็ยิ่งรัดแน่น

“ไม่เห็นต้องอายเลย เจ้าพวกนี้ทำเป็นไม่มองแต่จริงๆ ก็อยากเห็นเราสวีทกันจะตาย” ภีมรั้งร่างบางมาชิดตัวมากขึ้นและหอมแก้มโชว์เพื่อนๆ

“เหรอคะ” เสียงนิ่งๆ ใบหน้าหวานยิ้มๆ ก่อนจะบิดเนื้อที่หน้าท้องของภีมให้ต้องรีบปล่อยมือให้นัทเป็นอิสระไม่งั้นเนื้อเค้าคงจะหลุดติดมืออีกคนไปแน่

“อู๊ย เจ็บนะคะ” ภีมทำหน้าสงสารให้อีกคนที่ยังส่งสายตาดุมาให้

“ใครให้ทำรุ่มร่ามละคะ นั่งลงเลยไม่ต้องลุกเลยนะ นัทจะไปหยิบกุ้งมาให้ นั่งรอที่โต๊ะนี่เลย” นัทกดไหล่ร่างสูงให้นั่งลงตามเดิม และรีบเดินไปยังบริเวณที่พนักงานกำลังปิ้งย่างกันอยู่ ทิ้งให้ภีมมองตามท่ามกลางเสียงแซวของเพื่อนๆ

“น้องนัทเจ๋งว่ะ ปราบไอ้แสบของกลุ่มซะอยู่หมัด กลายเป็นแมวเชื่องๆไปได้ ฮะ ฮะ ฮะ ” โก้เปิดประเด็นให้ที่เหลือรีบช่วยกันถล่มซ้ำทันที

“นั่นสิ ไม่คิดว่าจะได้เห็นแกในสภาพนี้เหมือนกันนะเนี่ย” เมย์สำทับอีกคน

“ใช่ๆ ปกติแกไม่ใช่คนยอมให้ใครง่ายๆนี่หว่า” ปันได้ทีแซวเพื่อนบ้าง

“อยากจะแซวอะไรกันก็แซวไป บอกไว้ก่อนเลย กับคนนี้ฉันรักเค้ามากจนยอมได้ทุกอย่าง มากกว่านี้ก็ได้แค่เค้าเอ่ยปากขอ ถ้าทำให้ได้ฉันก็จะทำให้” ภีมยอมรับออกมาตรงๆ ไม่มีวี่แววของการขัดเขินที่โดนรุมแซวเลย กลับตอบเพื่อนๆพร้อมรอยยิ้มหวานที่ส่งไปให้คนรักที่กำลังเดินถือจานใส่กุ้งเผากลับมาที่โต๊ะ เรียกเสียงโห่แซวจากเพื่อนๆถึงความหวานที่ได้ยิน

“โอ๊ยยย...อะไรจะหวานกันซะขนาดนั้น สงสารคนไม่มีแฟนบ้างก็ดีนะ ใช่มั้ยโก้” นกโอดครวญขอความเห็นใจ

“ใช่ คนมีคู่ไม่รู้หรอก ว่ามันบาดตาบาดใจแค่ไหน แล้วยิ่งฉันเป็นผู้ชายที่หน้าตาก็ออกจะหล่อเหลาที่สุดในกลุ่ม ไหงกลายเป็นพวกแก 3 คนมีแฟนสวยๆน่ารัก ตัดหน้าฉันไปหมดแบบนี้วะ คิดแล้วเศร้าจริงๆ” โก้รำพึงรำพันบ้าง ยิ่งได้ไล่สายตามองเพื่อนทั้ง3 ที่มีสาวงามนั่งขนาบข้างกายก็ยิ่งอดสงสารตัวเองไม่ได้

“ไอ้นกไงว่างอยู่ สนมั้ยละ” ภีมตอบกวนกลับไป เล่นเอาฮากันทั้งวง เพื่อนๆในกลุ่มสนิทกันจนแทบรู้ไส้รู้พุง ความคิดที่จะหันมาคบกันเองนั้นเป็นไปไม่ได้เลย

“ถึงฉันจะโสด แต่ฉันก็เลือกนะยะ ให้คบกับไอ้โก้ ฉันขอโสดอย่างมีคุณค่าไปแบบนี้ดีกว่า” นกทำท่าทางขยะแขยงประกอบคำพูดเลยโดนโก้ผลักศีรษะด้วยความหมั่นไส้

“ถามฉันยังว่าจะเอาแกหรือเปล่า ไอ้เตี้ย” โก้เอ่ยเรียกฉายาที่เพื่อนๆตั้งให้นกตั้งแต่สมัยเรียนเล่นเอานกกรี๊ดแตกโวยวายกลับที่อีกคนเอาชื่อนี้มาล้อ

“อ๊ายยย หยุดเรียกแบบนี้เลยนะ ใครจะสูงเป็นเสาไฟฟ้าเหมือนแกละ” สงครามน้ำลายเริ่มต้นขึ้นแล้วและไม่มีทีท่าจะสงบลงง่ายๆ หากไม่มีใครห้ามศึกครั้งนี้ไว้ ภีมที่เริ่มจะทนไม่ไหวเลยต้องหยุดการต่อปากต่อคำของทั้งคู่ลงไว้เพียงเท่านี้

“พอๆเลยทั้งคู่เนี่ย ทะเลาะกันเป็นเด็กๆไปได้ ไม่อายคนอื่นเค้าบ้างหรือไงวะ” ภีมยกมือห้ามทัพและชี้ให้เพื่อนดูแขกของรีสอร์ทคนอื่นๆที่เริ่มจะให้ความสนใจกับกลุ่มของพวกเธอจากเสียงดังโวยวายของทั้งคู่

“เพราะแกเลยโก้” นกยังแอบคาดโทษเพื่อนเบาๆ

“ยัง ยังไม่จบกันอีก ไหนๆตอนนี้ก็อยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตาแล้ว พวกแกช่วยเล่าให้ฟังคร่าวๆหน่อยดิ ว่าทำยังไงไอ้เมย์กับน้องไอซ์ถึงได้คืนดีกันได้” หลังจากที่ทุกคนเริ่มเงียบภีมก็ได้โอกาสซักถามถึงสิ่งที่ยังสงสัย

“ก็ไม่มีอะไรมาก คนมันรักมาก ก็ย่อมหวงมาก หึงมากเป็นธรรมดา ฉันก็แค่ใช้ประโยชน์จากเรื่องนี้วางแผนให้ไอ้เมย์แสดงความรู้สึกจริงๆข้างในออกมา” นกเริ่มเล่าแผนการของตัวเองให้ภีมฟัง

“และก็มีตัวเร่งปฏิกิริยาสุดหล่อแบบฉันไง” โก้ยืดอกแสดงความภาคภูมิใจในหน้าตาของตัวเอง ให้เพื่อนๆส่ายหน้ากับการหลงตัวเองสุดๆ

“วุ๊ย...จริงๆก็ไม่ได้อยากใช้มันหรอก แต่ขืนใช้คนอื่นกลัวแผนจะรั่วและมีเรื่องยุ่งยากอื่นๆตามมาอีก ฉันก็เลยให้โก้มันตามขายขนมจีบให้น้องไอซ์ ทั้งส่งของขวัญ ดอกไม้ ตามไปดูน้องไอซ์ตามงานต่างๆเท่าที่ไปได้ ในที่สุด...คนแถวนี้มันก็ทนไม่ไหว” นกรีบขยายความต่อจากโก้

“และความซวยก็มาลงที่ฉัน โดนไอ้เมย์ด่าไม่เท่าไหร่ หมัดหนักชิบ ต่อยมาเต็มๆหน้าหล่อๆเลยเนี่ย โทษฐานมาจีบคนที่มันรัก ต่อยฉันเสร็จก็ฉุดกระชากลากถูกันหายไปไหนก็ไม่รู้ เจอทั้งคู่อีกทีก็คืนดีกันแล้วว่ะ” โก้เสริมพร้อมทำท่าทางประกอบ

“ส่วนมันไปคุยต่อกับน้องไอซ์ยังไง เคลียร์กันท่าไหน อันนี้ก็ต้องไปถามกันเองนะยะ จริงๆฉันก็อยากรู้เหมือนกันนะ แต่เมย์มันไม่ยอมเล่าอ่ะ ฮะ ฮะ ฮะ” นกแกล้งพูดทิ้งท้ายให้คิดกันเองว่าเหตุการณ์หลังจากนั้นเป็นยังไง ร้อนถึงเจ้าตัวที่เริ่มจะทนกับการโดนซักทั้งคำพูดและสายตาจากเพื่อนๆไม่ได้จนต้องรีบอธิบาย(แก้ตัว)

“อะไรๆ ก็แค่เคลียร์ปรับความเข้าใจกันเท่านั้นเอง พวกแกไม่ต้องคิดอะไรทะลึ่งเลยนะเว้ย” เมย์พยายามปฏิเสธแต่ดูจากท่าทางของเพื่อนๆแต่ละคนแล้วไม่มีใครเชื่อที่เค้าพูดเลย อีกทั้งอาการเขินอายจนหน้าแดงของน้องไอซ์กลับยิ่งเพิ่มน้ำหนักให้กับสิ่งที่พวกเค้าคิดว่า...มันน่าจะใช่นะ

“แหม ยังไม่มีใครคิดทะลึ่งอย่างที่แกบอกเลยนะ ร้อนตัวนี่นา อาการแบบนี้ต่อให้แกอมพระมาทั้งโบสถ์ฉันยังไม่เชื่อเลยว่าไม่มีอะไร” นกยิ่งแซวให้ทั้งคู่อายมากขึ้น

“พอเลยๆ ไม่คุยกับพวกแกแล้ว ไอซ์คะ ไปเดินเล่นกับพี่ดีกว่า ไปค่ะ” เมย์รีบลุกขึ้นพลางดึงให้คนรักไปเดินเล่นริมทะเลด้วยกันหนีจากคำแซวที่ยังคงส่งมาให้อย่างต่อเนื่อง

“โถ่ หนีเลยเหรอวะ ไม่แน่จริงนี่หว่า” หมอปันตะโกนแซวไปอีกรอบทำให้ได้รับการชี้หน้าจากเมย์กลับมา ก่อนที่จะจูงมือไอซ์เดินห่างออกจากกลุ่มไปเรื่อยๆ

“ทำเป็นไปแซวเค้า แล้วของเราละหมอ ยังไงเนี่ย” หลังจากแกะกุ้งเผาวางลงบนจานให้คนรักเรียบร้อย ภีมก็จุดประเด็นคู่ใหม่ขึ้นมาให้ทุกคนหันมามองที่คุณหมอทั้งสองแทบจะทันที

“ไม่มีเว้ย ไม่มีเรื่องอะไรจะเล่า มีปัญหามั้ย” หมอปันแกล้งโวยวายกลบเกลื่อนพลางเสหยิบเครื่องดื่มขึ้นมาจิบแก้เขิน

“โห ถ้าแกไม่อยากเล่า ฉันไม่อยากรู้ก็ได้วะ แต่เวลามีปัญหาอย่ามาขอความช่วยเหลือจากพวกฉันละกัน” นกสะบัดหน้าใส่ปัน งอนเต็มพิกัด...รู้อยู่ว่าถ้าฉันค้างคาใจแบบนี้ มันอึดอัดจนพาลนอนไม่หลับได้นะ ยังจะลีลาอีก...

“นั่น คอจะเคล็ดมั้ยนั่น” ปันแกล้งแซวให้นกยิ่งงอนเข้าไปใหญ่

“ไม่ต้องมายุ่งเลย ใช่สิ ตอนนี้พวกแกกำลังมีความสุขกับแฟนนี่ ไม่มีใครเห็นหัวฉันหรอก ฉันมันมีค่าเวลาพวกแกมีปัญหาเท่านั้นแหละ ชิส์” เอ้า...งานเข้ารอบวงเลยคราวนี้ เดือดร้อนเพื่อนๆต้องช่วยกันง้อให้นกหายงอน





“ง่วงยังคะ ดึกแล้วนะ” ภีมกระซิบถามคนรักที่กำลังคุยอย่างออกรสออกชาติตามประสาสาวๆ เมื่อเห็นเวลาสมควรแก่การพักผ่อนแล้วแต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะแยกย้ายกันกลับห้อง ในขณะที่เค้าและหนุ่มๆ(?)ก็นั่งดื่มกันเรื่อยๆจนเริ่มจะคอพับคออ่อนกันแล้ว

“ภีมง่วงก็ไปนอนก่อนสิคะ นัทยังไม่ง่วงเลย” นัทบอกให้คนรักล่วงหน้าไปนอนก่อน นานๆจะได้มีโอกาสจับกลุ่มคุยกันแบบนี้สักทีจะให้เลิกคุยกันง่ายๆมันก็ไม่ใช่

“นัทอ่ะ ถ้าไม่กลับไปนอนพร้อมกัน ภีมจะไปหาสาวๆแถวนี้มานอนเป็นเพื่อนจริงๆด้วย” ร่างสูงเริ่มงอแงตามปริมาณแอลกอฮอล์ที่อยู่ในกระแสเลือดและอารมณ์งอน

“กล้าเหรอคะ” นัทส่งสายดุกลับไปให้ ภีมเลยทิ้งตัวนั่งลงอย่างเซ็งๆ

“นัท ไปนอนก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวพวกเราก็จะแยกย้ายไปนอนแล้วเหมือนกัน ดูสภาพแต่ละคนสิ ไม่รู้ดื่มหรืออาบกันนะนั่น” หมอน้ำพยักพเยิดให้สาวๆหันไปดูสภาพของแฟนๆที่ใกล้จะหลับคาโต๊ะกันแล้ว

“นั่นสิคะ ไม่ต้องเกรงใจพวกเราหรอก อีกอย่างดูท่าพี่ภีมเองคงจะไม่ยอมไปนอนคนเดียวแน่ค่ะ” ไอซ์เสริมอีกแรงให้นัทจำต้องยอมลุกขึ้นพยุงคนรักกลับห้องพัก ลำพังแค่ประคองร่างสูงให้เดินตรงๆว่าลำบากแล้ว แต่มือปลาหมึกของภีมที่คอยจะลูบไล้ไปตามร่างกายของเธอตลอดเวลานี่สิกลับให้ยิ่งช้าไปกว่าเดิม

“จะดื่มกันทำไมนักหนานะ เมาแล้วลำบากคนอื่นรู้มั้ยคะ” นัทปล่อยให้ภีมนั่งลงบนเตียง ปากก็บ่นไปแต่มือก็ช่วยถอดรองเท้าออกให้

“แค่นิดหน่อยเอง นานๆจะได้สังสรรค์กัน” ภีมมองตามคนรักที่กำลังเดินไปเติมน้ำใส่กะละมังและหยิบผ้าขนหนูผืนเล็กมาบรรจงเช็ดไปตามใบหน้าของเค้าเพื่อช่วยบรรเทาความมึนเมาให้มีสติมากขึ้น

“ไม่นิดแล้วเนี่ย ดื่มจนเมา” นัทแกะกระดุมเสื้อ 2เม็ดบนของภีมออก จะได้เช็ดหน้าเช็ดตัวได้ถนัดขึ้น

“ไม่ได้เมาจนหมดสตินี่คะ แค่พอมึนๆ แต่รับรองว่ายังทำการบ้านส่งคุณครูไหวอยู่นะคะ” ภีมจับมือข้างที่ถือผ้าขนหนูของอีกคนไว้ สายตาที่ส่งไปชัดเจนยิ่งกว่าคำพูดซะอีกว่าหมายถึงเรื่องใด

“ทะลึ่ง เมาแล้วก็นอนไปเลย...อะไรคะเนี่ย” นัทต่อว่าคนกะล่อน ก่อนจะสังเกตเห็นวัตถุบางอย่างอยู่ในกระเป๋าเสื้อเชิ้ตของภีมจึงล้วงออกมาดู

“อย่าลืมโทรมานะคะ 085-xxxxxxx น้องมีน” นัทอ่านแต่ละคำอย่างช้าๆ เน้นๆ ให้ภีมสะดุ้ง...ซวยแล้ว งานเข้าแน่ภีม...เค้าจำได้แค่ว่าตอนที่นั่งดื่มกันอยู่มีสาวๆกลุ่มหนึ่งเดินเข้ามาทักแต่ก็คุยกันไม่กี่คำ แอบใส่มาให้ตอนไหนละนี่

“เอ่อ ภีมไม่รู้ว่ามันมาอยู่ในกระเป๋าได้ไง จริงๆนะคะ นัทก็เห็นว่าภีมไม่ได้ลุกเดินไปไหนเลยนะ” ภีมรีบอธิบายให้คนรักเข้าใจ

“แต่ก็มีสาวๆเดินมาหาถึงที่แทนใช่มั้ยคะ” โอ๊ะ...นัทเห็นด้วย เพิ่งเคลียร์ปัญหานึงจบ ก็มีปัญหาใหม่มาให้แก้อีกแล้วน้อ ภีมวาดวงแขนรั้งเอวบางให้ทิ้งตัวนั่งลงบนตัก

“ภีมไม่ได้คิดอะไรเลยนะคะ เชื่อใจภีมนะคนดี คนไหนชื่อมีนภีมยังไม่รู้เลยอ่ะ” ภีมทำเสียงออดอ้อนคนในอ้อมกอดพร้อมซุกใบหน้าลงไปบนต้นคอของคนรักสูดดมกลิ่นหอมหวานที่ติดอกติดใจเป็นหนักหนา

“อื้อ ซนอีกแล้วนะคะ ยังเคลียร์กันไม่จบเลยนะ”

“เคลียร์อะไรละคะ ภีมไม่รู้จริงๆนี่ว่ากระดาษแผ่นนั้นมันมาได้ไง และภีมก็ไม่ได้สนใจคนชื่อมีนอะไรนั่นด้วย ตอนนี้คนที่ภีมสนมีแค่นัทนะ อย่าทะเลาะกันเพราะคนอื่นเลยนะคะ ตอนนี้มีแค่เรื่องของเราก็พอนะ” ภีมก้มหน้าลงไปซุกไซร้ซอกคอหอมกรุ่นของคนรักอีกครั้ง

“อื้อ...ภีมคะ ถ้าไม่หยุดนัทโกรธจริงๆนะ” สิ้นคำของร่างบาง ภีมรีบถอนใบหน้าออกมามองตาคนรักทันที

“โกรธภีมทำไมละคะ” ร่างสูงสงสัยกับคำพูดของนัท เค้าทำอะไรผิดอ่ะ

“เสน่ห์แรงนักนี่ เพราะฉะนั้นต้องโดนทำโทษรู้มั้ย” นัทใช้สองมือโอบรอบคอของภีมก่อนจะก้มลงไปจูบคนรักอย่างเร่าร้อนด้วยพิษรักแรงหึง...ถ้าโดนทำโทษแบบนี้ ทั้งคืนเค้าก็ยอมนะเนี่ย...ภีมได้แต่คิดในใจ

นัทดันไหล่ภีมให้เอนลงไปบนเตียงโดยมีร่างของเธอนั่งคร่อมอยู่ด้านบน ภีมได้แต่นอนนิ่งๆปล่อยให้อีกคนลงโทษได้ตามที่ใจต้องการ ร่างบางด้านบนค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของเค้าออกจนหมดและถอดมันออกไปให้พ้นทาง ก่อนที่จะปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตของตัวเองบ้าง ช้าๆ ทีละเม็ดๆ ให้คนด้านล่างได้แอบกลืนน้ำลายเล่นกับความเซ็กซี่ของภาพตรงหน้า...โอ๊ย ถามว่าชอบมั้ย บอกได้เลยว่าชอบมาก...ภีมมองตามทุกๆการกระทำของคนรักที่ดูจะร้อนแรงเป็นพิเศษ ยิ่งร่างบางเหลือเพียงแค่บราตัวน้อยปกปิดอกงามคู่นั้นเอาไว้ ภีมก็แทบจะทนไม่ไหว แต่ก่อนที่เค้าจะได้ทำอะไร ก็โดนคนรักซุกไซร้ซอกคอให้ขนอ่อนลุกชันขึ้นทั้งตัว

“อื้ม คนดีจะทำอะไรคะ” ภีมพยายามบังคับเสียงไม่ให้สั่นเอ่ยถามคนรักออกไป

“ก็ทำแบบที่ภีมเคยทำไงคะ” นัทจัดการปิดปากคนช่างซักด้วยริมฝีปากบางของเธอ สองร่างแลกจูบกันอย่างดูดดื่มไม่มีใครยอมใคร จนเสื้อผ้าค่อยๆหลุดออกไปจนเหลือเพียงแค่ร่างเปลือยเปล่าของทั้งคู่ เมื่ออากาศไม่พอหายใจร่างบางจึงยอมถอนจูบและเปลี่ยนเป้าหมายลงมาที่หน้าอกของภีมแทน ปลายลิ้นตวัดโลมเลียยอดปทุมถันสร้างความเสียวซ่านให้กับคนใต้ร่างจนเผลอส่งเสียงครางออกมา

“อื้ม อ๊ะ นัทคะ” ภีมยอมให้นัทสัมผัสร่างกายเค้าทุกส่วนได้ตามที่เธอต้องการ ยิ่งร่างบางค่อยๆลากจมูกและปากผ่านหน้าท้องแบบราบลงไปยังแกนกลางของร่างกาย ก็ทำให้ภีมก็เกิดอาการเกร็งไปทั้งตัว

“อ๊ะ อื้อ อื้ม” ทันทีที่ปลายลิ้นของคนรักตวัดโลมเลียลงบนกลีบกุหลาบ ร่างสูงทำได้แค่ร้องครวญครางเพื่อบรรเทาความเสียวซ่านที่อีกคนมอบให้

“ที่รักคะ อย่าทรมานกันอีกเลยนะคะ ภีมจะทนไม่ไหวแล้วนะ อ๊ะ อื้อ” ฝ่ายนัทหลังจากได้ลงโทษอีกคนจนพอใจแล้วก็ยอมถอนใบหน้าออกมาประกบจูบกับคนรักอีกครั้ง สองร่างรวมเป็นหนึ่งเดียวเมื่อภีมพยุงตัวลุกขึ้นนั่งโดยมีร่างของอีกคนนั่งคร่อมอยู่

“ขยับตัวสิคะคนดี นัทเป็นคนคุมเกมนี้นะคะ” แม้เดิมทีนัทกะจะแกล้งคนรักให้ทรมานเล่น แต่พอถึงเวลานั้นขึ้นมาจริงๆเธอก็อดที่จะเขินอายไม่ได้ ภีมก็เลยช่วยจุดประกายอารมณ์ให้โดยการพาริมฝีปากไปครอบครองอกงามตรงหน้า ตวัดลิ้นโลมเลียอย่างคนหิวโหย มือข้างหนึ่งก็ทำหน้าที่ได้ดีไม่มีขาดตกบกพร่องทั้งบีบทั้งขยำและเขี่ยวนปลายยอดอกจนแข็งเป็นไต

“อื้ม ภีม อ๊ะ” นัทเริ่มขยับสะโพกตามอารมณ์เร่าร้อนที่ปะทุขึ้นมา สองร่างประสานจังหวะเข้าหากันอย่างลงตัว คนหนึ่งรับคนหนึ่งส่งบดเบียดให้สองร่างแนบแน่นเข้าหากันจนแทบไม่มีช่องว่างใดๆ

“อ๊ะ อ่าส์ อย่างนั้นสิคะคนดี อื้อ” ภีมโอบแขนไปกอดกระชับให้สะโพกของคนรักแนบชิดกันมากยิ่งขึ้น ส่งผลให้สองคนร้องประสานเสียงเป็นท่วงทำนองพิเศษที่มีแต่เราเท่านั้นที่จะบรรเลงบทเพลงแห่งรักนี้ขึ้นมาได้

“อื้อ ภีม นัทจะไม่ไหวแล้ว อ๊ะ อ๊ะ อ๊ะ อ๊าย” ทันทีที่แตะถึงฝั่งฝันร่างบางก็แทบหมดแรงจนต้องทิ้งตัวให้ภีมกอดรับน้ำหนักตัวเธอเอาไว้

“หมดแรงเลยเหรอคะคนเก่ง” ภีมแกล้งล้อคนรักให้เขินอาย จึงได้รางวัลเป็นการทุบไหล่กลับมา 1 ที

“หยุดแซวเลยนะ” นัทมองหน้าอีกคนที่ยังคงยิ้มล้อเลียนเธออยู่...ก็ใครจะไปรู้ว่าการเป็นคนคุมเกมมันจะเหนื่อยแบบนี้นี่...ภีมก็เอาแต่มองเธอยิ้มๆ นัทเลยหยิกหน้าท้องเค้าด้วยความหมั่นไส้ ก่อนจะขยับตัวลงจากตักของภีมแต่ติดตรงที่อีกคนไม่ยอมปล่อยให้เธอลงไปง่ายๆนี่สิ

“ทั้งตี ทั้งหยิก แสดงว่าหายเหนื่อยแล้วใช่มั้ยคะ งั้น...” สายตาเจ้าเล่ห์ของคนรักที่มองมาคาดเดาได้เลยว่าต้องการอะไร แต่ภีมไม่เปิดโอกาสให้นัทตั้งตัว เค้ารีบดันตัวคนรักให้นอนราบไปบนเตียงก่อนจะคร่อมร่างบางเอาไว้กันลุกหนี

“ถึงเวลาภีมเป็นคนคุมเกมบ้างนะคะ”

______________________________________________

By : นนทกร(N)    / 8 Feb 2015 02:49

 Password ของผู้ตั้งกระทู้ :



แจ้งลบกระทู้ ( กรณีไม่ได้เป็นเจ้าของกระทู้ )   ถ้าไม่ได้เป็นเจ้าของกระทู้ ให้ Click ที่นี่ เพื่อแจ้งลบ




www.narak.com | ทอมดี้น่ารัก | บ้านทอมดี้ | น่ารักบอร์ด | ecard.narak.com | IRC Sever | Thai IRC | ห้องคุยสด

งาน หางาน งานราชการ งานรัฐวิสาหกิจ งานสถานศึกษา งานบริษัท หวย | ตรวจหวย สถิติหวย ตรวจสลาก

เกม เกมส์



Code by Moha