ดูหนัง




ลบกระทู้ หมายเลข : 467403

 หัวเรื่อง : [เรื่องสั้น] Nice to meet you. : บันทึกรัก...จากหัวใจ [Part 1]

 ข้อความ :


เรื่องสั้นต้อนรับเดือนแห่งความรักนะครับผม



บันทึกเล่มบาง...

กับความรักที่มาพร้อมการพบเจอ...

แต่สิ่งที่สวยงามอย่างความรักนั้น...

ใช่ว่าทุกคนจะต้องสมหวัง...เสมอไป

......................................................................................................................


การจากลา... ทำให้ได้รู้ว่า "เราเคยได้พบกัน"
Nice to meet you



17 พฤษภาคม 2551


      มีคนเคยบอกว่า เรื่องโรแมนติกทุกเรื่อง เริ่มต้นที่คำทักทายเสมอ


      หลังจากที่ผม... ลงจากรถไฟสายกรุงเทพ – เชียงใหม่ การเดินทางครั้งใหม่ของผมก็เริ่มขึ้น ผมมาถึงแถวๆมหาวิทยาลัยที่ผมสอบติดด้วยรถตุ๊กตุ๊ก ที่ราคาเหมาแพงกว่าในกรุงเทพเสียอีก เป้าหมายต่อไปของผม... คือการหาหอพัก...


      แต่กว่าครึ่งวัน ผมไม่รู้ว่าประชากรที่สอบติดมหาวิทยาลัยแถวๆนี้ มันมีมากขนาดที่ไม่เหลือหอพักให้ผมได้จองสักห้องเลยงั้นหรือ ทั้งๆที่ผมเพิ่งรู้ว่าผมสอบติดที่นี่ได้ไม่กี่วัน แต่หอพักที่จะให้ผมมาอยู่ ไม่มีเหลือมาถึงผมซะแล้ว

ระหว่างทางที่ผมเดินหาหอพักไปเรื่อยๆ ผมเห็นป้ายไวนิลสีสด ติดคำอธิบายเกี่ยวกับการจองหอพัก ผมเลยค่อยๆถอยออกมาเพื่อมองมันให้ชัด มันคืองานศิลปะดีๆนี่เอง มองใกล้ๆอาจไม่เห็นอะไร แต่มองไกลๆเราจะเห็นภาพรวมที่สวยงาม... แต่ที่ผมอยากได้มากกว่าความสวยงามก็คือเบอร์โทรศัพท์ที่จะให้ผมโทรไปถาม ว่ามีห้องเหลือให้ผมสักห้องมั้ย...

ยังไม่ทันที่ผมจะได้จำเบอร์ทั้งหมด ผมก็ดันถอยไปชน...กับอะไรบางอย่าง อะไรบางอย่างที่...

“โอ๊ย” เสียงร้องของหญิงสาว

ผมคงถอยหลังไปชนเธอโดยไม่ได้ตั้งใจ รีบหันไปหวังจะขอโทษ แต่...

“ตัวก็ใหญ่ ชนมาได้ ไม่มีตารึไง”

เอ่อ... ทำไมเรื่องโรแมนติกของผม ถึงได้มีคำทักทาย...ที่ดูแปลกประหลาดขนาดนี้

ก็จริงนะที่ผมตัวใหญ่ ทั้งสูง ทั้งอ้วน แต่...คำพูดแรกระหว่างเราสองคนไม่เห็นต้องรุนแรงกันขนาดนี้เลย แม้...ต่อจากนี้ไป เธอจะเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตผม ส่วนหนึ่งในเรื่องโรแมนติกของผมก็ตาม

“ขอโทษที พอดีเราจะถอยมาดูป้ายน่ะ” ผมชี้มือขึ้นที่สูง เธอมองตาม ป้ายไวนิลที่ติดอยู่บนอาคาร

ท่าทางเธอยังดูไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่ หญิงสาวผมยาว เธอตัวสูงไล่ๆกับผม แต่ตัวเล็กกว่าผมเกือบครึ่ง

“หาหออยู่หรอ” เธอถาม
“ใช่”
“ไม่เหลือแล้วมั้ง” เป็นคำอวยพรที่ดีจริงๆ “นายสอบเข้าปีนี้ใช่มั้ย”

ผมพยักหน้ารับแทนการตอบคำถาม

“หาหอตอนนี้ หาไม่ได้หรอก เขามากันตั้งแต่สองสามวันก่อนแล้ว นายไปมัวทำอะไรอยู่”

มัวทำอะไรอยู่น่ะหรอ หนึ่งเลย กว่าผมจะคุยกับที่บ้านได้ว่าผมจะมาเรียนที่นี่... ก็กินเวลากว่าสามวันไปแล้ว สอง ผมนั่งรถไฟมา ก็ข้ามไปอีกหนึ่งวัน

“เอางี้มั้ย มาอยู่กับพวกฉันมั้ยล่ะ”

หืม ผมมองหญิงสาวหน้าหวาน อยู่ดีๆมาชวนผมไปอยู่ด้วยเนี่ยนะ เอ๊ะ หรือผมจะฟลุคได้เริ่มเรื่องโรแมนติกเร็วขึ้น แต่ว่า....คำว่าพวกฉันมันหมายความว่า...

ไม่ต้องคิดนาน มีหญิงสาวอีกสองคนเดิมมาสมทบกันเธอคนแรก

“มีอะไรหรอ อร” หนึ่งในคนที่เข้ามาใหม่ถามเธอ เธอชื่อ อร... ใช่มั้ยเนี่ย
“คุยกับตัวหาร” อรตอบสั้นๆ แต่เล่นเอาผม งงเลย ตัวหารอะไร
“อะไรหรอกแก” เพื่อนอีกคนของเธอ ถามแทนคำถามในใจผมไปแล้ว
“ก็นี่ไง เขาหาหออยู่ แล้วที่เราอยู่ก็เหลืออีกห้องไม่ใช่หรอ” อรหันไปคุยกับเพื่อน
“อ๋อ”
“ว่าไง” อรหันมาทางผม “จะไปอยู่ที่เดียวกับพวกเรามั้ย พอดีที่เราเช่ากันอยู่ เป็นบ้านเช่าน่ะ มีสี่ห้อง แต่ตอนนี้อยู่แค่สามคน”
“ต้องให้คำตอบเลยหรอ” ผมคิดว่ามันรวดเร็วไปนะ ที่จะตอบรับ
“หรือนายจะเดินหาหอต่อล่ะ ไม่มีหรอก” อรพูดเชิงขู่
“เอ่อ...งั้นขอไปดูได้มั้ย”
“ได้ แต่ดูแล้วต้องตัดสินใจเลยนะ”

ผมพยักหน้ารับ โผงผางจริงๆ ผู้หญิงที่คุยกับผมคนนี้เนี่ย


      อรกับเพื่อนของเธอพาผมมาที่บ้านเช่า เป็นบ้านไม้ผสมปูน มีสนามหญ้าหน้าบ้าน ปลูกต้นไม้สูงหลายต้น ข้างบ้านยังมีโอ่งดินเผาสีอิฐตั้งเรียงกันอยู่ หวังว่าผมคงไม่ถึงกับต้องอาบน้ำในโอ่งนะ

ผมแนะนำตัวกับทุกคนไปแล้วว่าผมชื่อ ปัด มาจากชื่อเรียกสั้นๆของชื่อจริง ปัทมา จริงๆผมก็มีชื่อเล่นอยู่หรอกนะ ชื่อตามแบบลูกคนจีนนั่นแหละ แต่ผมไม่ค่อยชอบชื่อนั้นเท่าไหร่ มัน...ดูไม่เข้ากับผม

และผมได้รู้จักกับอร แป๋ว และก็ทราย เป็นนักศึกษาปีหนึ่งเหมือนกับผม แต่มาจากจังหวัดเดียวกัน อรเป็นเพื่อนข้างบ้านแป๋ว และแป๋วก็เป็นเพื่อนโรงเรียนเดียวกับทราย ส่วนผม...ใครก็ไม่รู้

“ห้องที่เหลือก็ห้องนี้” อรเดินนำมา “ว่าแต่ ครอบครัวนายไม่มาด้วยหรอ ไหนบอกมาจากกรุงเทพ ฉันนึกว่าจะดูตื่นเต้นๆ พาครอบครัวกันมาหอหาให้ลูก”

ผมแค่นหัวเราะ ครอบครัวน่ะหรอ พ่อกับแม่เปิดร้านขายของ ตามสไตล์ครอบครัวคนจีนเด๊ะๆ เป็นตายร้ายดีก็ไม่ยอมปิดร้านมาหรอก เขาว่าเสียดายเงิน ไม่มีจะห่วงผมซักกะนิด

“ว่าไง จะอยู่มั้ย ค่าเช่าเดือนละ 8000 หาร 4 ค่าน้ำค่าไฟต่างหาก” อร กอดอก แล้วมองผม ถ้าผมตอบปฏิเสธ เธอจะโดดมางับหัวผมมั้ย
“ก็...โอเค”
“แล้วของของเธอล่ะ” แป๋วเดินเข้ามาถาม
“เดี๋ยวที่บ้าน คงจะเอามาให้พร้อมวันมอบตัว” ผมตอบเธอ
“งั้นก็อีกสองวัน” อรมองผม ที่แบกเป้มาแค่ใบเดียว “นายอยู่คณะอะไรหรอ”
“การสื่อสารมวลชน”
“เราอยู่มนุษย์ คณะเดียวกับทราย ส่วนแป๋วมันอยู่วิดยา”
“อืม”

ผมพยักหน้ารับ ก่อนที่สาวๆทั้งสามจะเดินออกจากห้องผมไป อยู่หอแบบบ้านเช่า และก็อยู่กับเพื่อนอีกสามคนงั้นหรอ ประสบการณ์ใหม่ใสกิ๊งเลยจริงๆ ผมวางกระเป๋าลงบนเตียงนอน มองพัดลมติดเพดาน และมองออกไปนอกหน้าต่าง หน้าต่างห้องผมที่มองเห็นต้นไม้ตรงสนามหน้าบ้านพอดี

................................................................



19 พฤษภาคม 2551


     ผมกำลังจะเปลี่ยนจากนักเรียน เป็นนักศึกษา หากแต่ว่า ตอนนี้ผมยังใส่ชุดนักเรียนอยู่


      วันสอบสัมภาษณ์มาถึง ม๊าขึ้นมาหาผมพร้อมกับเฮียของผม ที่ขับรถกระบะขนของทุกอย่างมาไว้ที่บ้านเช่า วันนี้คงเป็นวันสุดท้ายที่ผมจะแต่งชุดนักเรียน

ม๊าถามผมหลายครั้ง เรื่องคณะที่ผมจะเรียน การสื่อสารมวลชน ไม่มีอะไรที่ป๊ากับม๊าผมจะพอใจเลย ทั้งเรื่องที่มาเรียนห่างบ้านแบบนี้ และเรื่องคณะที่ดูเหมือนผมจะเอาวิชาไปช่วยที่บ้านไม่ได้แม้แต่น้อย ป๊าหาว่าผมมาเรียนไกลๆเพราะไม่อยากช่วยงานที่บ้าน ม๊าก็หาว่าผมเรียนคณะนี้แล้วจบมาก็คงไม่มีงานทำ

นานาจิตตัง มีแต่เฮียผมละมั้งที่เข้าใจ และช่วยพูดให้จนผมได้มาเรียน ก็หวังว่าต่อจากนี้ มันคงจะมีอะไรดีขึ้นบ้าง หวังว่าน่ะนะ


      หลังจากที่ผมทำทุกอย่างเสร็จเรียบร้อย เฮียกับม๊าก็มาส่งผมที่บ้านเช่า ก่อนที่ทั้งสองจะกลับกรุงเทพ ผมกลับเข้าไปในห้อง จัดของทุกอย่างให้เป็นระเบียบ และหยิบเจ้ากีตาร์ตัวโปรด...มาเล่นสักหน่อย

กีตาร์ตัวนี้ก็ปัญหาเยอะเหมือนกัน ดูป๊ากับม๊าไม่ค่อยจะเข้าใจผมซักเท่าไหร่ ที่ไปรักไปชอบทางด้านดนตรี ศิลปะ ทางที่ดูไม่เอาการเอางาน ป๊าว่าอย่างนั้น

มันเกือบจะต้องไปนอนในกองขยะหลายครั้งแล้ว กีตาร์ผมน่ะ แต่สิบกว่าปีที่ผ่านมา ถือว่ามันอึดพอดู ที่ยังอยู่กับผมมาถึงทุกวันนี้ได้

ผมชอบเล่นกีตาร์แบบ Finger Style เสียงผมคงไม่เหมาะกับการร้องเพลงเท่าไหร่ เล่นดนตรีอย่างเดียวเป็นพอ ผมอิจฉาบางคนนะที่มี Perfect pitch เพราะผมไม่มี และต้องพยายามมากกว่า...มากๆ กว่าที่ผมจะมีประสาทหูที่ดี และเล่นกีตาร์ได้เก่งพอ Ear training เป็นอะไรที่ต้องฝึกฝนหนักจริงๆ

“นึกว่าเสียงอะไร”

เออ ผมก็นึกว่าเสียงอะไร ผมมองไปที่ประตูห้อง อรนั่นเองที่เดินมา

“ขนของมาแล้วหรอ”

เธออยู่ในชุดนักเรียน จริงๆเมื่อเช้าก็เจอกันไปแล้ว แต่...ใส่ชุดนักเรียนแบบนี้ อรน่ารักดีเหมือนกัน ไม่บ่อยที่จะเห็นเธอรวบผม

“ขนมาแล้ว ม๊ากับเฮียเราเพิ่งกลับไปเมื่อกี๊นี้เอง”
“เล่นกีตาร์เป็นด้วยหรอ”
“อืม”
“แล้วเล่นเพลงอะไรได้บ้างล่ะ”
“ได้ทุกเพลงแหละ” ผมก็เล่นไปเรื่อย
“จริงหรอ เล่นให้ร้องได้มั้ย”
“อยากร้องเพลงอะไรล่ะ”

อรทำท่าครุ่นคิดอยู่สักพักก่อนจะเดินเข้ามาในห้องของผม เธอนั่งลงบนเตียง บอกชื่อเพลง ผมเล่น... เธอร้อง... เสียงอรเพราะดีเหมือนกัน ผมหันมองหญิงสาวในชุดนักเรียน ยิ่งเห็นตอนร้องเพลง ยิ่งรู้สึกว่าน่ารักเพิ่มขึ้นอีกสาเท่า

เป็นคนที่...ร้องเพลงแล้วมีเสน่ห์จัง หรือว่าผมจะหลงเสน่ห์เธอ...แค่คนเดียว

................................................................



9 มิถุนายน 2551


      เปิดเทอมวันแรก ผมก็แว๊นซ์มาโรงเรียนเลย มอเตอร์ไซด์ที่เฮียเอามาให้ มีประโยชน์พอสมควร ทำให้ผมมาทันตั้งแต่ช่วงกิจกรรมรับน้อง และ...ผมก็มีสาวซ้อนท้ายมาด้วย

ไม่ใช่ใครอื่น แม่สาวจอมโผงผาง...ที่แสนน่ารักของผม ให้บรรยากาศจริงๆ มหาวิทยาลัยนอกเมือง รถมอเตอร์ไซด์รุ่นคลาสสิก (ที่ต้องลุ้นทุกครั้งตอนสตาร์ทเครื่อง) และหญิงสาวที่ซ้อนท้าย

อรซ้อนท้ายฮอนด้าเจ็ดสิบสีแดงครีม มันเคยเป็นมอเตอร์ไซด์ตัวเก่งของพ่อ... ตอนนี้เป็นของผม ส่วนทรายกับแป๋วไม่ต้องเป็นห่วง สองคนนั้นก็แว๊นซ์พอกับผม แป๋วขับและทรายซ้อน

ออกจะแปลกไปหน่อย กับการแต่งชุกนักศึกษา แต่อีกหน่อยผมคงชิน

“แล้วเย็นนี้เจอกันนะ” อรบอก ตอนที่ผมจอดส่งอรที่หน้าตึกคณะ ส่วนคณะผมเอง ก็อยู่ด้านหลังไม่ไกลกับคณะของอรเท่าไหร่
“อืม”

ผมพยักหน้ารับน้อยๆ ไม่รู้จะมีใครคิดมั้ย ถ้าเห็นอรซ้อนมอเตอร์ไซด์ผม จะมีใครคิดมั้ย ว่าอร...อาจเป็นแฟนกับผม... ถ้าคิดแบบนั้นผมก็ไม่เดือดร้อนหรอก

ผมมองไล่หลังหญิงสาวที่เดินขึ้นตึกคณะ บางทีผมกับอร ในสักวันอาจเป็นอย่างนั้นจริงๆก็ได้ เพราะความรู้สึกในใจของผม มันเริ่มก่อนตัวขึ้นเรื่อยๆ รอวันที่มัน...จะชัดเจน ก็หวังแค่ว่า เมื่อถึงวันนั้น อรจะคิดไม่ต่างจากผม หวังมากไปมั้ยนะ

................................................................



15 กรกฎาคม 2551


      อรยังคงแวะเวียนมาที่ห้องผมเป็นประจำ ไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากเธอมาให้ผมเล่นกีตาร์ และเธอก็ร้องเพลง ซึ่ง...ไม่ใช่ปัญหาอะไร ผมชอบซะอีก อย่างน้อยก็ได้อยู่ใกล้อร

อืม...มองดูตอนเธอร้องเพลง ชอบ...ที่ได้อยู่ใกล้ๆ มันเป็นความสุขเล็กๆของผม... ความสุขที่รอพัฒนาเป็นมากกว่านั้น

แล้วแป๋วก็เดินเข้ามา ไม่รู้ว่าเข้ามาฟังเพลง เข้ามาร้องเพลง หรือเข้ามาด่าที่พวกผมเสียงดัง

“ร้องเพลงกันทุกวันเลยนะ ไม่มีการบ้านหรอ”
“มี แต่ไม่ทำ” อรตอบแล้วหัวเราะ
“สบายจังนะ” แป๋วทำหน้าเซ็ง “ฉันนี่ งานท่วมเลย”
“แล้วเสียงดังรบกวนรึเปล่า” ผมถาม
“ไม่หรอก แล้วสองคนนี้ ยังไงกันรึเปล่า มาร้องเพลงกันทุกวัน...”
“ยังไงนี่หมายความว่าไง” อรมองเพื่อนของเธอ
“กิ๊กกันรึเปล่า”
“จะบ้าหรอ” อรโวยวาย

ผมยิ้มออกมาเล็กน้อย จริงๆก็อยากให้เป็นอย่างนั้นนะ หรืออยากให้เป็นมากกว่านั้น

“เรามีแฟนแล้ว”

และคำตอบนี้ของอร เล่นเอารอยยิ้มผมหายไปทันที เฮ้ย ผมไม่เคยรู้ข้อมูลนี้มาก่อน อรมีแฟนแล้วอย่างนั้นหรอ มันเหมือน...หัวใจผม...มันกระตุกๆ ร่างกายผมมันโหวงๆ เบาๆ

“มีแล้วหรอ” แป๋วถามสงสัย “ไม่เห็นเคยบอก อำรึเปล่า”
“จะอำทำไมเล่า” อรหยิบกระเป๋าตังของเธอขึ้นมา แล้วเอารูปคู่ของเธอกับแฟนให้แป๋วดู ผมมอง...ร่างกายผม สลายลงไปพร้อมกับใจผมรึยังเนี่ย “นี่ไง คบกันตอนอยู่ ม.5 ตอนนี้อยู่ต่างประเทศ สอบชิงทุนไป จริงๆฉันว่าจะสอบชิงทุนไปพร้อมๆกันแต่ไม่ติด เลยว่าจะลองปีหน้า”

อรพูดถึงแฟนของเธอเป็นเรื่องเป็นราว แต่ผม...หน้าอึ้งกินไปแล้ว ก็หัวใจของผม...มันเปิดรับอรเข้ามาในใจสักพักแล้ว ไม่คิดว่า... เธอจะมีแฟน ไม่เคยพูดถึงเรื่องแฟนเลย

“เฮ้ย ดูทำหน้าเข้า” อรหันมามองผม “อึ้งอะไร อึ้งที่ฉันมีแฟนหรอ หรือว่า...อึ้งเพราะแกชอบฉัน”
“เฮ้ย ก็...” ผมตอบไม่ถูกเลย
“นี่แกคิดอะไรกับฉันหรอเนี่ย” อรทำหน้าเหมือนไม่เชื่อ ผมสิต้องไม่เชื่อ ไม่เชื่อว่าอรมีแฟนแล้ว “ไอ้บ้า เพื่อนกัน เลิกคิดเลยนะ”
“ก็นึกว่าไม่มีแฟน” ผมย่นคิ้วเข้าหากัน
“มีย่ะ แกไปหาคนใหม่เลยนะ ไอ้ปัด อย่ามาเล่นง่าย ชอบเพื่อนในบ้านเช่าเดียวกัน แกออกมาสู่โลกกว้างของแกแล้วนะ”
“รู้แล้วน่า” ผมทำเป็นพูด และทำเป็นเหมือนไม่ได้จริงจังกับเรื่องความรู้สึกของผมเท่าไหร่

แต่... ใครมันจะไปทำได้ล่ะ ตัดใจถ้ามันทำได้ปุบปับ โลกก็คงไม่มีปัญหาหรอก ใจผมมัน...สั่นไหวยังไงก็ไม่รู้ อกหักตั้งแต่ยังไม่ทันได้เริ่มรักเลย... แต่ต้องทำเป็นยิ้มกลบเกลื่อน ทำเหมือนไม่ได้คิดอะไรมาก

ก็หวังว่า สักวันผมอาจจะไปชอบคนอื่น เอาล่ะ เริ่มกันใหม่ ไม่รู้สมองผมจะยอมรับความทรงจำใหม่ แล้ว Delete ความทรงจำเก่าออกไปได้มั้ย ต้องเปลี่ยนความรู้สึกชอบกลับไปเป็นเพื่อนเหมือนเดิม... ฟังแล้วไม่ง่ายเลยแฮะ ก็ไอ้ความรู้สึกรักน่ะ แม่ง เข้าใจยากที่สุดในโลกซะด้วยสิ

................................................................



22 สิงหาคม 2551

      ไม่ได้รักกัน ไม่ได้เป็นแฟนกัน แต่ขอแค่อยู่ใกล้ๆ ได้ทำอะไรร่วมกันก็ยังดี


      ความหวังลมๆแล้งๆของผม ผ่านมาก็เป็นเดือนแล้ว จากวันที่ผมรู้ว่าอรมีแฟน และหลังๆมา อรก็คุยเรื่องแฟนให้ฟังบ่อยๆ การยืนอยู่ในฐานะเพื่อน ที่ทำอะไรมากกว่าเป็น “เพื่อน” ไม่ได้ มันลำบากใจจริงๆ

การแอบชอบใครสักคนว่าเจ็บแล้ว แต่ผมว่าการแอบชอบเพื่อน มันคงเจ็บที่สุดหากมีการจัดอันดับ ความรักของผมยังไม่ยอมหายไป ความรู้สึกที่เกิดขึ้นแล้วไม่อาจเปลี่ยน หรือลบทิ้งได้อย่างง่ายดาย ยิ่งใกล้ ยิ่งคิด ยิ่งคิด ยิ่งเสียใจ เสียใจที่ไม่ได้เป็นคนนั้น แต่ผม...ก็คงทำอะไรไม่ได้ นอกจากยอมรับความจริง

ผมกับอรยังคงยิ้ม ยังคงหัวเราะ ยังคงเป็นเพื่อนที่ดี แต่อรไม่รู้ว่า ผมก็ยังคงเป็นคนที่แอบชอบอรอยู่ เธอจะสังเกตมั้ยนะ เวลาที่เธอร้องเพลงกับผม สังเกตสายตาของผมมั้ย ที่มองเธอ สังเกตการกระทำของผมมั้ย ที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อนเธอ โดยปากก็บอกว่าเป็นเพื่อน แต่ใจผมอยากเป็นมากกว่าเพื่อน

“นี่อร”

ผมเดินมานั่งตรงม้าหินที่สนามหญ้าหน้าบ้าน อรกำลังทำรายงานหรืออะไรสักอย่าง

“มีอะไรหรอ” อรหันมองผม
“วันก่อนที่ไปเที่ยวกับเพื่อนที่คณะน่ะ”
“เที่ยวกลางคืนน่ะหรอ”
“อืม ไปเจอร้านอาหารร้านนึง เขาติดประกาศ”
“ห้ามน้ำสัตว์เลี้ยงเข้า แกก็เลยเข้าไปไม่ได้ใช่มั้ย”

ปากดีจริงๆ ผมชอบคนแบบนี้เพราะอะไรน่ะหรอ เพราะไม่มีเหตุผลไง... รักไม่มีเหตุผล

“ไม่ใช่แล้ว ไอ้บ้า” ผมหัวเราะน้อยๆ “เขารับสมัครนักดนตรีเล่นในร้าน แบบโฟลค์ซองน่ะ”
“แล้ว...” อรทำหน้าไม่เข้าใจ
“ว่าจะชวนอรไปสมัครกับเราน่ะ สนมั้ย”

และเธอก็ตอบตกลงได้ไม่ยาก


      ตอนเย็น ผมกับอรแวะไปที่ร้านอาหารกึ่งผับ “ลมเพ” ดูชื่อแล้ว ผมจะต้องเล่นเพลงเพื่อชีวิตมั้ยเนี่ย เอาล่ะ เจ้าของร้านชื่อ พี่อู๊ด ให้ผมลองเล่นให้ฟัง

รู้สึกวันนี้ อรจะร้องเพลงได้เพราะกว่าทุกวันแฮะ เพราะอะไรกัน ร้องผ่านไมค์งั้นหรอ บวกกับเสียงกีตาร์... ลำโพงที่ร้านใสจริงๆ หวังว่าพวกผมคงได้งานนะ


     หลังจากเล่นให้พี่เขาฟังไปสองสามเพลง ผมกับอรก็ลงมาคุยกับพี่อู๊ด

“เล่นดีนะ” พี่อู๊ดชมผม “น้องก็ร้องเพลงเพราะ น่ารักด้วย เป็นแฟนกันหรอ”
“เปล่าพี่ หนูมีแฟนแล้ว”

ชอบบอกจริงๆว่ามีแฟนแล้ว ผมมองหน้าอร ก่อนจะยิ้มออกมาบางๆ ทำใจอย่างเดียว

“พี่ชอบเราสองคนนะ” พี่อู๊ดบอก
“บ้า พี่ มาบอกกันตรงๆแบบนี้” ผมเล่นมุกไปหนึ่งดอก
“ไอ้นี่มันกวนเหมือนกันแฮะ” พี่อู๊ดหัวเราะ “ดี พี่ชอบ จ้างเลยแล้วกัน”
“พูดจริงป่ะพี่” อรได้เจอคนที่โผงผางกว่าเข้าให้แล้ว
“จริง ก็เล่นรอบ หกโมงเย็นถึงสองทุ่มนะ วันจันทร์ถึงพฤหัส วันละ 600 ตกลงมั้ย ตกลงเหอะ พี่ให้มากกว่านี้ไม่ได้แล้ว ร้านเพิ่งเปิด”
“โห” เล่นเอาผมต่อรองไม่ถูกเลย
“ตามนั้นก็ได้พี่” แล้วอรก็เป็นฝ่ายตัดสินใจ

เป็นอันว่า ผมกับอรได้ทำงานพิเศษเป็นนักดนตรีที่ร้านอาหารของพี่อู๊ด

“ดีจังนะ ต่อจากนี้จะได้ไม่ต้องกวนเงินพ่อกับแม่มาก” อรพูดกับผม ตอนที่ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์จะกลับบ้าน
“แบ่งเบาภาระใช่มั้ย”
“เปล่า ขี้เกียจฟังบ่น ตอนโทรไปขอ”

ผมหัวเราะออกมานิดๆ ความคิดคล้ายๆผมนั่นแหละ อย่างน้อย นี่ก็เป็นอีกหนึ่งอย่างที่ผมได้ทำร่วมกับอร เก็บเกี่ยวความทรงจำดีๆเอาไว้ แม้จะไม่ได้เป็นคนรักของอรก็ตาม...

เธอจะรู้บ้างมั้ยนะ คนที่ซ้อนท้ายผมอยู่น่ะ ว่าผมยังรู้สึกกับเธออยู่ และความใกล้ชิด มันกลับยิ่งทำให้ผม... รู้สึกกับเธอมากขึ้นทุกวัน

................................................................



2 กุมภาพันธ์ 2552


      ชีวิตของผม ผ่านไปอย่างเอื่อยเฉื่อย จนใกล้จะจบปี 1 ทุกวันจันทร์ถึงพฤหัส ผมกับอร จะไปเล่นดนตรีกันที่ร้านของพี่อู๊ด ความสนิทสนมของผมกับอรยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ เรื่อยๆจนผมแอบคิดไปไกลอยู่เสมอ...

เดือนก่อน อรเพิ่งมาบอกผมว่า เธอสอบชิงทุนไม่ผ่านอีกแล้ว จนแฟนเธอบอกว่าไม่ต้องตามไปก็ได้ นั่นทำให้ผมมีความหวัง... ไม่ใช่ความหวังจะเข้าไปแทนที่ใครหรอก แต่เป็นความหวังที่ผมยังจะได้อยู่กับอรไปแบบนี้ เป็นเพื่อนไปแบบนี้ และผมก็ยังแอบชอบเธอแบบนี้

ผมเข็นมอเตอร์ไซด์ออกมาทางหน้าบ้านเช่า อร รออยู่ตรงหน้าบ้าน ผมเห็นดอกไม้จากต้นไม้ใหญ่ร่วงหล่นลงมา ผมเงยหน้ามอง...

“ต้นอะไร ดอกสีสวยดี”
“ไม่เคยเห็นหรอ” อรถามผม

ผมส่ายหน้า และยังคงมองต้นไม้ต้นนั้น ต้นไม้ใบเขียวที่แซมด้วยดอกไม้สีชมพูอ่อนเต็มต้น ก็สวยดีเหมือนกัน ดอกไม้สีชมพูที่กลีบดูบอบบางพวกนี้... กำลังล่วงหล่นลงสู่พื้นเบื้องล่าง

“ชมพูพันธุ์ทิพย์” อรบอกชื่อต้นไม้นี้ให้ผมรู้จัก “ไม่เคยเห็น หรือไม่รู้จัก”
“ทั้งสองมั้ย” ผมไม่รู้เหมือนกัน ไอ้เรื่องจะมาสนใจความงามตามธรรมชาติอะไรนั่น ไม่ค่อยจะอยู่ในหัวผมเท่าไหร่
“แต่พอออกดอกได้ไม่นาน เดี๋ยวก็คงร่วงหมดต้น”
“แต่ก็สวยดีนะ”

อรกับผมเงยหน้ามองต้นชมพูพันธุ์ทิพย์อีกครั้ง ผมรู้สึกว่ามันสวย แต่...อีกสักพักผมจะได้รู้ว่า มันไม่ได้แค่สวยอย่างเดียว...

มันยังสร้างความลำบากให้ผม ตอนที่ต้องกวาดดอกไม้ที่ร่วงลงมาเต็มหน้าบ้านเนี่ยแหละ...

................................................................



17 พษภาคม 2552


      ผมเข้าสู่ฐานะรุ่นพี่ปี 2 เต็มตัว เมื่อมีรุ่นน้องชั้นปีที่ 1 ก้าวเข้ามาในคณะผม วันนี้เป็นวันแรกที่ผมได้เจอกับอรอีกครั้ง หลังจากที่แยกย้ายกันไปช่วงปิดเทอม อรมาถึงที่บ้านเช่าก่อนผมหลายวัน กว่าที่บ้านผมจะยอมปล่อยให้ผมขึ้นมาได้ ก็เล่นใช้งานผมซะคุ้มเลย

ผมทักทายหญิงสาวหน้าหวานด้วยรอยยิ้ม เราสองคนยังคงสนิทกันเหมือนเดิม ไม่ว่าจะที่บ้าน หรือที่มหาวิทยาลัย

หวังว่าปีนี้... ก็อาจจะเป็นปีดีๆของผม ปีดีๆ ที่มีอรอยู่กับผม แม้...ไอ้ความรู้สึกที่ผมมี มันจะเป็นความรู้สึกของผมเพียงข้างเดียวก็ตาม


................................................................



25 สิงหาคม 2552


      ความรู้สึกเผลอใจ เกิดขึ้นได้แม้ช่วงเสี้ยววินาที


      ครบรอบหนึ่งปีที่ผมมาทำงานร้านพี่อู๊ด จำได้วันแรกที่มาที่ร้านนี้น่าจะเป็นวันที่ 22 วันที่มาสมัครงาน และก็เริ่มงานในอีกอาทิตย์ต่อมา ก็คือวันที่ 25 เนี่ยแหละ พี่อู๊ดเลยถือโอกาสเลี้ยงเหล้าพวกผม

ผมเห็นอรคุย เห็นอรหัวเราะ ผมก็มีความสุขแล้ว พี่อู๊ดชอบชงให้อรกับผมชอบกัน อรก็ปฏิเสธด้วยการบอกว่าเธอมีแฟนอยู่แล้วทุกครั้ง...

ผมก็ได้แค่ยิ้ม แล้วเงียบ ก็ในใจของผม มันก็คงแอบคิดอยากจะเป็นแฟนของอรเหมือนกัน แม้ผมจะเตือนตัวเองเสมอว่าอรมีแฟนแล้ว อย่างมากก็คงทำได้แค่รัก แค่ชอบอยู่ฝ่ายเดียว แต่...ส่วนลึกๆของผม หรือของใครก็ตาม ก็คงอยากจะให้คนที่เราชอบ เขาชอบเราเหมือนกัน ชอบในฐานะแฟน ไม่ใช่เพื่อน

วันนี้อรเมาอย่างที่ผมไม่เคยเห็นมาก่อน เมาและก็หัวเราะร่วนเลย

“เฮ้ย ทำไมไม่ดื่มบ้างล่ะ ปัด” อรถามผม ก่อนจะกอดคอแล้วชวนผมดื่มเหล้าแก้วของเธอ
“เดี๋ยวเราขี่มอเตอร์ไซด์กลับไม่ได้” ผมไม่อยากเมาเกินไป
“ไม่เป็นไรหรอก ปัดขี่ไม่ไหว เดี๋ยวอรขี่ให้”
“หนักเลย” ผมรีบแย้ง แล้วหัวเราะ
“ได้เข้าข้างทางทั้งคู่ล่ะไม่ว่า” พี่อู๊ดแทรก และส่ายหัวกับอรที่เมาไปแล้ว
“ไม่เป็นไรหรอก ดื่มหน่อยๆ”

อรคะยั้นคะยอ จนผมต้องดื่ม อรกอดคอผมเอาไว้แน่น กลัวผมจะดื่มไม่หมดมั้ง... ไอ้หัวใจผมนี่สิ ก็เต้นเสียงดังเลย ไม่รู้อรจะได้ยินมั้ย

“หน้าแดงเลย กินแก้วเดียวเอง” อรหรี่ตามองหน้าผม

ใช่ที่ไหน ใช่เหล้าที่ไหนล่ะ เพราะที่อรกอดคอผมต่างหาก อรหัวเราะสนุก คลายวงแขนที่กอดคอผมไว้ แล้วไปชงเหล้าต่อ

ส่วนผม...อาจจะเมาไปแล้ว ไม่ได้เมาเหล้าหรอก... ผมหันมองอร ผมอาจจะเมารัก...

ตอนกลับ เป็นปัญหาของผมโคตรๆ ก็อรเล่นตัวอ่อนไปแล้ว เมาจนใกล้หลับ ผมต้องประคองเธอไปที่มอเตอร์ไซด์ ไม่มีพี่คนไหนในร้านจะใจดีไปส่งพวกผมหน่อยรึไงเนี่ย

“อร ไหวมั้ย” ผมถามหญิงสาวที่ผมประคองมา

อรไม่ตอบ เธอหลับไปแล้วมั้งเนี่ย.... ผมหันมองเธอ หลับตา ท่าทางเหมือนไม่ได้สติ ให้ตายสิ ให้ตาย... น่ารักชะมัด เฮ้อ! แอบคิดนะ ทำไมถึงไม่เป็นผมนะ ทำไม...คนที่เป็นแฟนกับอรถึงไม่เป็นผม

ตอนที่อรหลับแบบนี้ เป็นตอนที่อรดูสงบที่สุดเท่าที่ผมเคยเห็น หญิงสาวที่ชอบโวยวาย โผงผาง... ใบหน้าตอนหลับก็ดูน่ารักเหมือนกัน น่ารักจนผม...

ผมค่อยๆเลื่อนหน้าเข้าหาหญิงสาว มองไล่ตั้งแต่เปลือกตาที่ปิดสนิท จมูกที่เป็นสันได้รูป ริมฝีปาก...สีชมพูระเรื่อ... เผลอจ้อง...จบผมเกือบลืมตัว... ความใกล้ชิดนั้น...

“อื้อ” เสียงของอรทำเอาผมสะดุ้ง

ให้ตายสิ... ผมบ่นตัวเอง แล้วหันหน้าไปทางอื่น หัวใจผมเต้นแรง เกือบแล้ว เกือบจะทำอะไรที่ไม่ควรทำ ถ้าผมจูบอรไปเมื่อกี๊ ต่อจากนี้ผมมองหน้าอรไม่ติดแน่ๆ และพอผมหันกลับมามองอร ยังหลับเหมือนเดิม... ผมเป่าปากโล่งใจ เสียงเมื่อกี๊คงละเมอมั้ง...


      กว่าผมจะพาตัวอรซ้อนมอเตอร์ไซด์ผมได้ เล่นเอาผมแทบจะหมดแรง เธอเอนตัวมาพิงแผ่นหลังของผม ผมรวบมือของอรทั้งสองข้างมากอดเอวผม และผมก็จับแขนทั้งสองข้างของอรเอาไว้แน่น

เป็นไปได้ผมอยากหาเชือกมาผูกเลยเหอะ เอาคนหลับซ้อนมอเตอร์ไซด์แบบนี้มันอันตรายชะมัด แม้...มันจะดูโรแมนติกเหมือนในหนังก็เถอะ แต่ผมเป็นห่วงความปลอกภัยของอรมากกว่า

ไม่รู้เมื่อไหร่จะถึงบ้านเช่า ก็ผมเล่นขับได้แค่ 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง บางที... หอกทากอาจจะกระดึ๊บๆแซงผมไปแล้วก็ได้

พอถึงบ้านและเข้าจอดมอเตอร์ไซด์อย่างทุลักทุเล จนผมทุเรศตัวเองไปหลายรอบ ผมก็ค่อยๆประคองอรเข้าไปในบ้าน ดีที่เพื่อนทั้งสองที่น่ารักยังไม่นอน

“อรเป็นอะไรเนี่ย” แป๋วถาม
“เมา” ผมทำเสียงหน่ายๆ แล้วทำเหมือนกับว่า ผมเซ็งเต็มที ทั้งๆที่ผมออกจะเต็มใจดูแลอร “ตัวโคตรหนัก”
“ว่าใคร” อรหรี่ตามอง
“อ๊าว ไม่ได้หลับหรอ แล้วให้ฉันแบกมาทำไมเนี่ย ไม่เดินมาเอง” ผมทำเป็นหงุดหงิดกลบเกลื่อน แล้วนี่จะรู้มั้ยเนี่ย ว่าผม...ให้กอดเอวมาตอนขี่รถกลับ ตายหละ
“ไม่ได้เมาซะหน่อย แค่ง่วง” อรตอบเสียงที่ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง
“เมื่อกี๊ก็เลยหลับให้ฉันแบกกลับ ดี” ผมส่ายศีรษะ
“แค่นี้ช่วยกันไม่ได้รึไงล่ะ ชิ ไปอาบน้ำนอนดีกว่า”

ว่าแล้วอรก็เดินเซไปเซมาขึ้นห้องนอน ผมมองตาม...ติดใจนิดๆ ไม่รู้ว่าอรจะรู้ตัวตั้งแต่ตอนไหน ตอนที่ผมพาเข้ามาในบ้าน ตอนที่ซ้อนมอเตอร์ไซด์ หรือตอนที่ผมเกือบจะจูบ...

คงไม่ใช่ตอนนั้นหรอก ไม่ใช่หรอก ผมถอนหายใจ แล้วส่ายศีรษะ ก่อนจะเดินขึ้นห้องผมไปเหมือนกัน

................................................................



13 กันยายน 2552

      เสียงสะอื้นของเธอ ยังดังก้องอยู่ในหัวใจของผม


      วันอาทิตย์แบบนี้ ผมไม่ค่อยจะมีอะไรให้ทำหรอก ส่วนใหญ่งานคณะผมจะไม่ค่อยมีการบ้านเท่าไหร่ ผิดกับพวกคณะวิทยาศาสตร์ ผมเห็นแป๋วขลุกตัวทำการบ้านอ่านหนังสือในห้องทุกวั๊นทุกวัน

ส่วนอร... ปกติวันอาทิตย์แบบนี้จะต้องเห็นแวะมาที่ห้องผมแล้วนะ แต่วันนี้ยังไม่มา... หรืออาจจะคุย MSN กับแฟน...

ผมเองก็เคยคุยกับเขาสองสามครั้ง คุยผ่านกล้อง ก็เป็นผู้ชายที่หน้าตาดีพอสมควร เหมาะสมกับอรดี

ผมได้ยินเสียงเคาะประตูห้อง... นั่นไง คิดถึงก็มาพอดี น่าจะเป็นอรแหละ ผมลุกขึ้นตั้งใจจะเดินไปที่ประตู แม้รู้ก็เถอะว่าหญิงสาวหน้าหวานไม่เคยรอให้ผมไปเปิดให้หรอก เธอชอบเปิดเข้ามาเอง แต่...ผมเองก็อยากจะเจอเธอเร็วๆเหมือนกัน

และทันทีที่อรเปิดประตูเข้ามา ผมรู้สึกถึงน้ำหนักที่ถาโถม... อ้อมกอดของหญิงสาว โอบรอบตัวผมไว้ ผมได้แต่ยืนอึ้งทำอะไรไม่ถูก

รู้สึกถึงร่างกายที่สั่นเทิ้ม ทำไมกัน... ผมไม่มีเวลาได้พิจารณาหัวใจตัวเอง เพราะ...หญิงสาวที่กอดผมอยู่เธอกำลังร้องไห้

“ทำไมอ่ะปัด ทำไม” อรฟูมฟาย “เราไม่ดีตรงไหนหรอ”

เสียงของอรดังพอดู ดังพอที่จะทำให้คนอีกสองคนออกมาจากห้องของตัวเอง และเดินเข้ามา

“มีอะไรหรอ อร” ผมถาม และหันไปมองแป๋วและทรายด้วยสีหน้าไม่เข้าใจ... สีหน้าแบบเดียวกับสองคนนั้น
“บอส” อรพูดถึงชื่อแฟนของเธอ
“บอสทำไม” แป๋วถาม ผมว่าแป๋วอาจจะคาดเดาได้แล้ว ผมเองก็คาดแบบเดียวกัน
“บอสเขาบอกเลิกกับเรา”

ไม่ผิดจากที่ทุกคนคาด แต่...ไม่มีใครอยากให้มันเกิดขึ้นหรอก แม้แต่กระทั่งผม ผมควรจะรู้สึกดีใจใช่มั้ย... แต่ผมกลับไม่รู้สึกอย่างนั้น... ผมเป็นห่วงอร เป็นห่วงความรู้สึกของอรมากกว่าที่จะมาดีใจกับเรื่องแบบนี้

หัวใจผมเต้นแรงกับคำตอบของอร แต่...ผมไม่ได้ต้องการให้อรร้องไห้แบบนี้ ผมก็ไม่รู้ว่าผมจะเป็นคนที่ปลอบใจอรได้มั้ย แต่ผม...เลือกที่จะกอดอรไว้ และปล่อยให้อรสะอื้นอยู่กับผมสักพัก

“ไม่เป็นไรนะ เดี๋ยวก็คงดีกัน” ผมฝืนใจบอกออกไป

อรไม่มีคำพูดอะไรออกมา เธอยังคงร้องไห้ ผมหันมองเพื่อนอีกสองคนหน้าเครียด ไม่รู้...ว่าจะทำอย่างไรดี

................................................................


To be continued




ครับผม เรื่องสั้นคั่นเวลา ก่อนมาลง Remember me นะครับผม

มีความสุขในเดือนแห่งความรักกันทุกคนนะครับ

แล้วเจอกันตอนหน้าครับ

By : TepiN    / 4 Feb 2012 00:21

 Password ของผู้ตั้งกระทู้ :



แจ้งลบกระทู้ ( กรณีไม่ได้เป็นเจ้าของกระทู้ )   ถ้าไม่ได้เป็นเจ้าของกระทู้ ให้ Click ที่นี่ เพื่อแจ้งลบ




www.narak.com | ทอมดี้น่ารัก | บ้านทอมดี้ | น่ารักบอร์ด | ecard.narak.com | IRC Sever | Thai IRC | ห้องคุยสด

งาน หางาน งานราชการ งานรัฐวิสาหกิจ งานสถานศึกษา งานบริษัท หวย | ตรวจหวย สถิติหวย ตรวจสลาก

เกม เกมส์



Code by Moha